นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศที่ประเทศจีนสำรวจตลาดเครื่องประดับในจีน ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ที่เมืองเซี่ยเหมินว่า ขณะนี้ตลาดเครื่องประดับในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดร้านใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ และกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลางได้ให้ความสำคัญกับการซื้อเครื่องประดับเพิ่มมากขึ้น
"จีนเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับเครื่องประดับแบรนด์ต่างชาติเนื่องจากตลาดใหญ่ ประชากรมีกำลังซื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสดีที่แบรนด์เครื่องประดับจากไทยจะมองหาลู่ทางในการขยายตลาดเข้าสู่ตลาดจีน โดยการเข้าสู่ตลาด ต้องหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับผู้ผลิตจีนในตลาดระดับล่าง ควรมุ่งพัฒนาและวางตำแหน่งสินค้าในระดับกลางถึงระดับสูง เนื่องจากยังมีช่องว่างให้ทำตลาด และต้องทำตลาดให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า" นางจันทิรา กล่าว
สำหรับลู่ทางในการเข้าสู่ตลาดนั้น ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจะต้องเน้นการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ค้าจากจีน เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าสู่ตลาด และควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติทั้งในไทยและจีน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เครื่องประดับ ซึ่งจะช่วยให้เครื่องประดับสามารถขยายตลาดเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในการส่งออกเครื่องประดับเข้าสู่ตลาดจีนจะต้องคำนึงถึงการกำหนดราคาจำหน่าย เพราะเครื่องประดับที่จะส่งไปจำหน่ายในจีน ต้องจ่ายภาษีนำเข้าอัตรา 0-35% ภาษีมูลค่าเพิ่มอัตรา 17% และภาษีบริโภคสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย 5-10% ซึ่งล้วนแต่เป็นต้นทุนของเครื่องประดับไทย ดังนั้นจึงควรกำหนดราคาให้เหมาะสม และวางตำแหน่งสินค้าให้อยู่ในระดับกลางถึงสูง
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชาสัมพันธ์เครื่องประดับไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวจีน กรมฯ จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์ จะใช้จุดเด่นจากการที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีน ที่แต่ละปีเดินทางเข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก โดยจะใช้จุดเด่นเรื่องพลอยสี การออกแบบ การดีไซน์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความประณีต รวมทั้งการสร้างเรื่องราวให้กับเครื่องประดับเพื่อเป็นจุดขาย และแนะนำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้จักและคุ้นเคยกับเครื่องประดับไทย ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสในการจำหน่ายเครื่องประดับ และการทำตลาดเครื่องประดับของไทยในจีนเพิ่มขึ้นด้วย
อนึ่ง กรมฯ ได้ผนึกกำลังร่วมกับภาคเอกชน อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าไทย, สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย, สมาคมเครื่องถมและเครื่องเงินไทย, สมาคมช่างทองไทย, สมาคมเพชรพลอยเงินทอง, สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จ.จันทบุรี เป็นต้น เตรียมความพร้อมในการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 61 โดยกำหนดระหว่างวันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2561 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี