นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยนับว่ามีประเภทน้ำมันที่หลากหลายมากเกินไป จึงควรจะมีการปรับลดประเภทน้ำมันลง โดยเฉพาะในส่วนของราคาแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ที่ปัจจุบันมีส่วนต่างอยู่เพียง 0.27 บาท/ลิตร ซึ่งหากราคาน้ำมันของทั้งสองประเภทอยู่ในระดับเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ก็จะเป็นทางเลือกแก่ประชาชนและผู้ค้าน้ำมันในการพิจารณาตามความเหมาะสม และในที่สุดอาจทำให้ผู้บริโภคเลิกใช้แก๊สโซฮอล์ 91
โดยการที่น้ำมันทั้งสองประเภทจะมีราคาใกล้เคียงกัน ไม่ได้หมายถึงการปรับขึ้นราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ให้มาเท่ากับระดับแก๊สโซฮอล์ 95 อาจเป็นการปรับลดราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ลงมาเท่ากับราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ก็ทำได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันต้นทุนของน้ำมันทั้งสองประเภทมีความใกล้เคียงกันมาก
นอกจากนี้กรมฯยังได้เตรียมข้อมูลเรื่องไบโอดีเซล (B100) ที่นำมาผสมกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วน 7% หรือ B7 นั้น ทั้งในส่วนของสต็อก B100 ของผู้ค้าน้ำมันเพื่อเตรียมนำเสนอต่อนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เพื่อเตรียมหารือกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในสัปดาห์นี้ หลังทางกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้สต็อก B100 เพิ่ม แต่ทางผู้ค้าน้ำมันมีจำนวนถังรองรับแค่พอใช้ ไม่ได้มีถังมากพอสำหรับเก็บสต็อก ขณะเดียวกันหากเก็บสต็อกมากเกินไปก็จะไปกดราคาในอนาคตได้เช่นกัน
ด้านนายยอดพงศ์ สุตธรรม ผู้จัดการการตลาดขายปลีก การตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO กล่าวว่า เอสโซ่ สนับสนุนให้ลดประเภทชนิดน้ำมันในประเทศ เพราะประเทศไทยมีประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งหากปรับลดการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 หรือ แก๊สโซฮอล์ 95 เหลือเพียงชนิดเดียว ผู้ค้าน้ำมันก็จะมีถังใต้ดิน เพื่อจัดการค้าน้ำมันสนองตอบผู้บริโภคที่ดีขึ้น