นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคมกำกับดูแลกรมการขนส่งทางบก, องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (ขสมก.) ,บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), กรมเจ้าท่า, การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ บริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท. จำกัด ,การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ดูแล แผนการฟื้นฟู บมจ. การบินไทย (THAI), รฟท., และ ขสมก.ให้เป็นไปตามมติ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)
โดยตนในฐานะรมว.คมนาคม ยังคงดูแลงานในภาพรวมและให้รัฐมนตรีช่วยฯ แบ่งเบาภารกิจ ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่ต้องเร่งรัด เช่น การกำกับดูแลการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489คัน การปฎิรูปรถเมล์ ส่วนทางน้ำ ต้องเร่งโครงการท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่จังหวัดกระบี่ และอำเภอเกาะสมุย, การเดินเรือเฟอร์รี่ที่บรรทุกรถยนต์ข้ามอ่าวไทย และการบูรณาการเพื่อแก้ปัญหา IUU รวมถึงโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 เพื่อรองรับนโยบาย EEC
ส่วนระบบรางนั้น มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กรุงเทพ-หัวหิน และรถไฟทางคู่ ระยะ 2 อีก 9 เส้นทาง ที่ตั้งเป้าให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ในปี 61 รวมถึงเร่งเรื่องการระดมทุนโครงสร้างกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund:TFF)
สำหรับโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งหลังจากประมูลรอบแรกแล้ว ไม่มีผู้เสนอราคา ให้ใช้ วิธีคัดเลือก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของพ.ร.บ.จัดซื้อ ซึ่ง ขสมก.ได้ส่งหนังสือเชิญเอกชนมาเสนอราคาวันที่ 7 ธ.ค. หากมีคนยื่นและต่ำกว่าราคากลางก็ไม่มีปัญหา แต่หากสูงกว่าราคากลาง สามารถเจรจาต่อรองให้อยู่ในกรอบ แต่หากไม่สามารถเลือกได้ ต้องไปสู่ขั้นตอนที่ 3 คือ เรียกเฉพาะเจาะจง เพื่อให้มาตกลงราคา
ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า จะทำงานอย่างเข้มข้นเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนโครงการให้ลุล่วงตามเป้าหมายซึ่งจะมีส่วนช่วยสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัว