นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาการขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ของประเทศไทย ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 จะมีการจัดงาน Startup Thailand 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17 - 20 พฤษภาคม 2561 ภายใต้แนวคิด “Invest Nation" โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใหม่ในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดการลงทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงผลักดันให้เกิดนักรบใหม่ทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถขยายตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงานเพื่อเสนอแนะนโยบายและมาตรการภาครัฐเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (คณะทำงานชุดที่ 4) หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาภาพรวมของปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ Startup ในแต่ละระยะ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงกับความต้องการของ Startup มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2560 ตามแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศไทย (พ.ศ.2559 - 2564) ประกอบด้วย ร่างพ.ร.บ.พัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นและนวัตกรรมเชิงนโยบาย พ.ศ. ....
คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.พัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นและนวัตกรรมเชิงนโยบาย พ.ศ. .... ของคณะทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (คณะทำงานชุดที่ 2) ที่มีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเป็นฝ่ายเลขานุการ โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน แก้ไขข้อจำกัด และอุปสรรคต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาของระบบนิเวศในการสนับสนุน Startup (Startup Ecosystem) โดยมีการกำหนดขอบเขตคำนิยามของ Startup ไว้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นและนวัตกรรมเชิงนโยบาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางการส่งเสริมและพัฒนา Startup ของประเทศไทย รวมทั้งจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะด้าน 2 คณะ ได้แก่ (1) คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งมีหน้าที่จัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองวิสาหกิจเริ่มต้น รวมทั้งพิจารณาให้และเพิกถอนสิทธิประโยชน์แก่ Startup ที่ได้รับการส่งเสริม และ (2) คณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย (Regulatory Sandbox) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ Startup ประเภทนิติบุคคลและนิติบุคคลอื่นในทุกสาขาสามารถนำเสนอสินค้าและบริการภายในพื้นที่หรือสภาพแวดล้อมของการประกอบธุรกิจและการให้บริการที่จำกัดภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะทำงานชุดที่ 2 นำเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
โครงการ Startup Club ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา ที่ได้จัดตั้งขึ้นตามดำริของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษาได้เข้าร่วมโครงการ Startup Club แล้วรวม 109 สถาบันใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ และได้เริ่มดำเนินกิจกรรมแล้ว 17 สถาบันใน 15 จังหวัด รวมทั้งได้มีการจัดทำ Facebook Page “Startup Club Thailand" (https://www.facebook.com/startupclubth) เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของคณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่าง Startup Club ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบโครงการพัฒนาครูและบุคลากรในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่รับผิดชอบ Startup Club ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้สามารถถ่ายทอดกระบวนการและแนวความคิดด้านการประกอบการให้แก่เด็กนักเรียนได้ โดยจะเป็นกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ จำนวน 6 ครั้ง ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้ง ได้เห็นชอบชุดเอกสารมาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วยหนังสือและสื่อออนไลน์ในประเด็นการเป็นผู้ประกอบการ Startup ความรู้ทางการเงิน และภาษีที่จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน และตารางกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Startup สำหรับปี 2561 เพื่อให้สามารถใช้เป็นแหล่งความรู้และฐานข้อมูลในการดำเนินการ ซึ่งจะทำให้ Startup Club เป็นแหล่งเรียนรู้ ค้นคว้า และพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการสำหรับนักเรียนอย่างยั่งยืน โดยการจัดทำชุดเอกสารและตารางกิจกรรมดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้รับการความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นอย่างดี และได้กำหนดจะส่งมอบชุดเอกสารมาตรฐานพร้อมตารางกิจกรรมข้างต้นให้กับ Startup Club ภายในเดือนธันวาคม 2560
ส่วนผลงานอื่นๆ ที่สำคัญของคณะกรรมการฯ ในปี 2560 ได้แก่ การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ที่ได้เน้นส่งเสริมด้านการสร้างความตระหนักรู้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบ่มเพาะ และการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้เว็บไซต์ PeoplePerHour ซึ่งเป็นผู้จัดอันดับ Startup City Index ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 7 ของโลก และอันดับที่ 1 ของเอเชียในการเป็นเมืองเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ Startup โดยพิจารณาจากความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ต้นทุน และคุณภาพชีวิต
การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ใน 4 ประเด็น (การแก้ไขเพิ่มเติมให้บริษัทจำกัดดำเนินการได้ในประเด็นหุ้นกู้แปลงสภาพ การทยอยให้หุ้น (Vesting) สิทธิที่จะซื้อหุ้นในราคาที่กำหนด (ESOP) และหุ้นบุริมสิทธิ) มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการของร่างกฎหมายเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 และปัจจุบัน ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา