นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 60 มีจำนวน 13.5 ล้านตัน ส่วนในปี 2561 คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิต 14.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9% หรือราว 1.2 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นในทุกภาคจากต้นปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่เมื่อปี 58 ประกอบกับปริมาณน้ำฝนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณค่อนข้างมากทำให้โอกาสการเกิดจั่นตัวเมียเพิ่มขึ้น ทำให้มีจำนวนทะลายเพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณน้ำฝนในปี 60 มีมากเพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลผลิตปาล์มน้ำมันในเดือนธันวาคม 2560 และมกราคม 2561 จะเริ่มมีปริมาณลดลง
ทั้งนี้เป็นการลงพื้นที่สำรวจภาคสนามร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น เกษตรกร สมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม และ GISTDA ในแหล่งผลิตสำคัญ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร และนครศรีธรรมราช ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกรวมกันคิดเป็น 70% ของประเทศ เมื่อเดือน พ.ย.60 เพื่อทวนสอบข้อมูลให้เกิดความเชื่อมั่นและนำมาพยากรณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 60
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการตัดปาล์มคุณภาพเพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยยกระดับรายได้ให้เกษตรกรได้ เนื่องจากอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มทุกๆ 1% ที่เพิ่มขึ้น เกษตรกรจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 0.30 บาท นอกจากนั้นการตัดปาล์มสุกที่มีความสมบูรณ์เต็มที่ ยังมีผลทำให้น้ำหนักต่อทะลายปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นได้อีกไม่น้อยกว่า 5-10% หรือไม่น้อยกว่า 150-280 กิโลกรัมต่อไร่
เลขาธิการ สศก.กล่าวว่า ขอให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มเก็บเกี่ยวทะลายปาล์มคุณภาพ โดยสังเกตจากทะลายปาล์มที่มีผลปาล์มสุก มีสีผลปาล์มสุกตรงตามพันธุ์ และมีผลปาล์มร่วงที่สุกตามธรรมชาติ 5-10 เมล็ดต่อทะลาย และหากเกษตรกรท่านใดที่จ้างตัดปาล์มน้ำมัน ควรช่วยกำกับและควบคุมให้ผู้รับจ้างตัดปาล์มน้ำมัน ตัดปาล์มน้ำมันให้ได้คุณภาพดังกล่าว