นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวปาฐาถาในโอกาสเปิดการอบรมตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวว่า รัฐบาลมีงบประมาณที่เหลือจากปี 60 อีกประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทให้กับชุมชน โดยจะให้แต่ละพื้นที่คิดโครงการด้านการเกษตรและด้านการท่องเที่ยว เสนอไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในเดือนมี.ค.61 ซึ่งงบประมาณดังกล่าวอยู่นอกเหนือจากงบ อปท.ที่เตรียมไว้แล้ว 1 แสนล้านบาท
นายสมคิด กล่าวว่า ในปีหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเลื่อมล้ำ ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นส่วนสำคัญ โดยรัฐบาลมีนโยบายที่จะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง หรือระดับชุมชน ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน หรือหมู่บ้านโอทอปเพิ่มมากขึ้น เพื่อกระจายรายได้ให้กับประชาชนในท้องที่ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้านงบประมาณให้กับชุมชน เพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปรียบเสมือนร่มคันใหญ่ เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 30 ล้านคน รายได้ของการท่องเที่ยวเทียบเท่ากับ 20% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เป็น 1 ใน 5 ของรายได้หลักของประเทศที่ถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ประเทศไทยมีขีดความสามารถทางการแข่งขันในด้านการท่องเที่ยว มีจุดเด่นในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมและความเป็นกันเองของคนไทย ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวได้สร้างอานิสงค์ไปถึงการจ้างงาน การคมนาคมขนส่ง และด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์
รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเติบโตได้ ประกอบด้วย 1.แหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจ ซึ่งไทยมีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย 2.ระบบนิเวศวิทยาของการท่องเที่ยว ประกอบด้วยหลายด้าน ทั้งด้านสาธารณธูปโภค ความสะอาด การบริการ และความปลอดภัย 3.การรักษาภาพลักษณ์ ความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
พร้อมระบุว่า ตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นโซ่ข้อกลางที่ต้องทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการกับนักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ต้องมีการประสานการทำงานในชุมชนในรูปแบบประชารัฐ ส่วนอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวนั้น ต้องการให้มีการจ้างนักศึกษาหรือคนในท้องถิ่นมาฝึกอบรมด้านภาษา เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้องชัดเจน