BAY เผยเงินบาทแข็งค่าหลังเฟดปรับดอกเบี้ย คาดปี 61 ขึ้นอีกสองครั้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 14, 2017 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีมติ 7 ต่อ 2 เสียงให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed funds 0.25% สู่ช่วง 1.25-1.50% หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) วันที่ 12-13 ธ.ค.60 โดยเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สามของปี และเป็นครั้งที่ห้าของวัฏจักรการปรับสมดุลนโยบายการเงิน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.58 ขณะที่เฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มสดใสขึ้น สะท้อนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ เฟดคงประมาณการว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกสามครั้งทั้งในปี 61 และปี 62 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายแตะระดับ 2.8%

สำหรับการแถลงข่าวรอบล่าสุดนับเป็นครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด โดยนางเยลเลนจะเข้าร่วมประชุม FOMC ครั้งถัดไปวันที่ 30-31 ม.ค.61 เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดวาระและนายเจอโรม พาวเวลล์ จะเข้ารับตำแหน่งต่อไป

ในช่วงเปิดการซื้อขายในประเทศเช้านี้เงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 32.53 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงระดับแข็งค่าสุดในรอบ 32 เดือน เทียบกับ 32.58 บาท/ดอลลาร์ช่วงท้ายตลาดวานนี้ ในปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 10.0% ซึ่งแข็งค่าเป็นอันดับสองของเอเชีย รองจากเงินวอนเกาหลีใต้ ด้วยปัจจัยหนุนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่องและกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ของไทย

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง หลังเฟดเปิดเผยแถลงการณ์ซึ่งส่งผลให้มีแรงขายเงินดอลลาร์เทียบกับทุกสกุลเงินหลักและหนุนราคาทองคำในตลาดโลกขึ้น ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปน่าจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.61 ท่าทีล่าสุดของเฟดตอกย้ำว่า เฟดจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโต แต่สัญญาณการฟื้นตัวของเงินเฟ้อกลับอ่อนแอเกินคาด ทำให้เราประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียงสองครั้งในปี 61

นอกจากนี้ การลงมติด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันฑ์ถือว่ามีนัยสำคัญ หลังกรรมการสองรายสนับสนุนให้เฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ท่าทีเช่นนี้จะเพิ่มความเสี่ยงด้านขาลงของค่าเงินดอลลาร์ต่อไป ส่วนปัจจัยชี้นำสำคัญถัดไปสำหรับตลาดการเงินโลกในระยะสั้น ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ช่วงค่ำของวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ