ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 3 ครั้งในปี 61 หลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค. 60 ที่ประชุม FOMC มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed funds rate) ขึ้น 25 bps ไปอยู่ที่ช่วง 1.25 - 1.50% ทั้งนี้ คณะกรรมการของ FOMC ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้งในปี 61 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อยู่ในช่วง 2.0 - 2.25% ณ สิ้นปี 61
ทั้งนี้ภายหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เสร็จสิ้นในวันที่ 13 ธ.ค.60 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดาวน์โจนส์ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.3% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ S&P 500 ทรงตัว ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดตลาดอ่อนค่าลง 0.7% ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.36% สำหรับเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันนี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากราคาปิดที่ 0.1% ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง
"ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งในด้านอัตราการว่างงานที่ลดลงจนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปี การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งผลของนโยบายการปฏิรูปภาษีที่คณะกรรมการ FOMC บางส่วนมองว่าอาจมีส่วนช่วยสนับสนุนแนวโน้มเศรษฐกิจ นอกจากนี้ Fed ยังคงมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำในปีนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวและยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะฟื้นตัวได้ ดังนั้น อีไอซีจึงมองว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นได้ต่อเนื่องในปี 61 โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้งตามประมาณการการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot)" SCB EIC ระบุ
SCB EIC ระบุว่า จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และการลดขนาดงบดุลซึ่งจะมีผลให้ปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในระบบเศรษฐกิจทยอยลดลง และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จะทำให้มีเงินทุนบางส่วนไหลกลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยอีไอซีประเมินว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.60% และ 2.75% ณ สิ้นปีไตรมาส 1 และสิ้นปี 61 ตามลำดับจากปัจจุบันที่ 2.43% ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนที่ต้องการระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้ต้องเผชิญต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง แต่อาจไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากนัก เนื่องจากนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้บ้างแล้ว ดังนั้น ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จึงอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ
พร้อมคาดว่า ธปท. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในปี 61 ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มสูงขึ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะสูงกว่าที่คาดอยู่ที่ 4.3%YOY ในไตรมาส 3 แต่การขยายตัวดังกล่าวยังคงกระจุกตัวอยู่ในภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลดีจากอุปสงค์จากต่างประเทศ ได้แก่ การส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยว ขณะที่การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อยยังคงอ่อนแอ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป