นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ยังไม่มีมาตรการในการควบคุมการลงทุนลงทุนบิตคอยน์ เนื่องจากยังเป็นการลงทุนอยู่ในวงจำกัดและไม่ได้มีปัญหากระทบระบบในภาพรวม อีกทั้งในเรื่องนี้มีหน่วยงานดูแลหลายฝ่าย
"การควบคุมดูแลการใช้เงินสกุลดิจิทัล (Crypto Currency) หรือ บิตคอยน์ ในประเทศไทยเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายส่วน แต่ในส่วนของ ธปท.ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการออกมากำกับดูแลโดยเฉพาะ เพราะการใช้นวัตกรรมเงินสกุลดิจิทัลในประเทศไทยยังอยู่ในวงจำกัด มีปริมาณแลกเปลี่ยนไม่มาก และยังไม่มีความเสี่ยงต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจ ซึ่ง ธปท.ก็จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป"ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันเริ่มมีประชาชนสนใจเข้าไปลงทุนเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งอาจจะยังมีความเข้าใจผิดว่าเงินสกุลดังกล่าวสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ในข้อเท็จจริงเป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อใช้ในการลงทุนเท่านั้น นั่นหมายความว่าผู้ลงทุนจะต้องมีความระมัดระวัง เข้าใจเรื่องผลตอบแทน และการบริหารจัดการความเสี่ยงให้ดี เนื่องจากการลงทุนในสกุลเงินดังกล่าวมีความผันผวนสูง
นอกจากนี้ สกุลเงินดิจิทัลยังมีความเสี่ยงในด้านเทคโนโลยี การปฏิบัติการในเชิงระบบ ซึ่งจะเห็นได้จากข่าวสารที่ว่าการแลกเปลี่ยนตราสารต่างๆ ยังมีการถูกแฮ็คในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย แต่ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด คือ ประชาชนที่ยังไม่มีความรู้ เข้าใจมากพอ อาจถูกชักชวนให้เข้าไปลงทุน โดยให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งจะต้องระวัง เพราะในบางกรณีเป็นการลงทุนที่เข้าข่ายการเป็นแชร์ลูกโซ่ ซึ่งผิดกฎหมาย
“ธนาคารกลางในประเทศต่างๆทั่วโลกยังไม่มีการรับรองสกุลเงินดิจิทัลให้สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เพราะยังมีความเสี่ยงและความผันผวนในตัวสกุลเงินสูง เป็นเหมือนลักษณะการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และน้ำมัน ที่อาจจะมีการปรับราคาขึ้นลงได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิด เพราะเหมือนเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ ส่วนตัวมองว่าเงินดิจิทัล จัดเป็น Digital Community มากกว่าการเป็น Digital Currency" นายวิรไท กล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังการใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อเป็นไปเครื่องมือที่มีวัตถุประสงค์ไม่ถูกต้อง ขัดต่อกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน ซึ่งกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ในบางประเทศจึงให้ความสนใจในระบบการตรวจสอบตัวตน (Know Your Customer:KYC) เพื่อสามารถตรวจสอบได้ว่าสินทรัพย์ดังกล่าวใครเป็นผู้ลงทุน ในส่วนประเทศไทย อำนาจการตรวจสอบต่างๆ เป็นของหน่วยงานหลายภาคส่วน ซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกัน
ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวถึงสกุลเงินบิตคอยน์ว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมารองรับ ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล ไม่มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่การเคลื่อนไหวเกิดจากการเก็งกำไรมากกว่าการลงทุน เมื่อเป็นสกุลเงินที่ยังไม่มีเสถียรภาพก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นอัตราแลกเปลี่ยนได้
"คงไม่มีใครเอาบิตคอยน์มาซื้อก๋วยเตี๋ยวหากมีความผันผวนขนาดนี้ คนคงเก็งกำไรมากกว่า ไม่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมารองรับเลยว่ามูลค่าวัดจากอะไร" นายเชาว์ กล่าว