กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นับเป็นการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ครั้งที่ 21 ติดต่อกัน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า และซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์ ภายหลังการประชุมของกนง.
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่าขึ้น 8.5% และเป็นหนึ่งสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย ด้วยแรงหนุนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและกระแสเงินไหลเข้าพอร์ตลงทุนในตลาดตราสารหนี้
คณะกรรมการกนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่อุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างช้าๆ ส่วนการเติบโตของรายได้ที่ยังไม่กระจายเท่าที่ควรและภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงจะส่งผลต่อการบริโภคเอกชน คณะกรรมการย้ำถึงการมีเสถียรภาพของค่าเงินบาท แต่เตือนว่าอาจมีความผันผวนมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ คณะกรรมการ กนง.ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ทั้งของปี 2560 และปี 2561 เป็น 3.9% จาก 3.8% เนื่องจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งของภาคส่งออก และได้ปรับขึ้นคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเป็น 0.7% ในปีนี้ แต่ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2561 เป็น 1.1% เทียบกับกรอบเป้าหมายของทางการที่ 1.0-4.0%
คณะกรรมการกนง. จะมีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 โดยในวันนี้ กนง. มีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังเหมือนก่อนหน้านี้ โดย กนง.ระบุถึงปัจจัยเสี่ยง เช่น พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน และความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ โดยมองว่า กนง.น่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2561 ก่อนที่จะพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึงปลายปีหน้า ถ้าหากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจยังเป็นบวกต่อเนื่อง