นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.73 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.76 บาท/ดอลลาร์ แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่
"บาทแข็งค่าจากเมื่อเย็นวันศุกร์ แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะที่มีธุรกรรมเบาบางเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว ถ้า ไม่มีปัจจัยที่รุนแรงเข้ามา คาดว่าช่วงนี้จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (22 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ -0.03109 ส่วน THAI BAHT FIX 6M (22 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.62352%
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 113.33 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.37 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1847 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1846 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.7410 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์เงินบาทสัปดาห์นี้ (25-29 ธ.ค.) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่
32.60-32.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจในประเทศน่าจะอยู่ที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.60 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. สต็อกสินค้าภาคค้าส่งและภาคค้าปลีกขั้นต้นเดือนพ.ย. และดัชนีราคาบ้าน
เดือนต.ค. นอกจากนี้ปัจจัยที่ต้องจับตาน่าจะอยู่ที่การปรับโพสิชันของนักลงทุนก่อนใกล้สิ้นปี ประเด็นต่อเนื่องจากมาตรการปฏิรูปภาษี
ของสหรัฐฯ และประเด็นทางการเมืองภายในของสเปน
- ภาคเอกชนจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมเสนอโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือทั้งระบบให้กับ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาในช่วงที่นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐ มาประชุมร่วมกับภาค
เอกชน ผู้แทนสภาเกษตรกร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ว่าราชการจากจังหวัดภาคเหนือ ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ โดยแต่ละ
โครงการที่เสนอจะครอบคลุมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว ค้าชายแดน การบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาสังคม
- ศาลปกครองได้มีคำสั่งไม่รับ ฟ้องสหภาพรัฐวิสาหกิจที่ยื่นฟ้องศาลให้กระทรวงการคลังยุติการดำเนินการตั้งกองทุนรวม
โครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้คลังเดินหน้าเรื่องนี้
ได้โดยไม่ต้องกังวลอีก
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ได้ปรับลดประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 61 ลง 2,830 ล้านบาท อยู่
ที่ระดับ 190,000-220,000 ล้านบาท หรือโต 13.6% จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ระดับ 225,000-230,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่ม
ธนาคารพาณิชย์ยังมีแนวโน้มค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็น การลงทุน
ด้านระบบสารสนเทศ เพื่อรองรับบริการด้านดิจิตอลแบงกิ้ง ที่มีการเพิ่มขึ้นของการทำธุรกรรม การปรับรูปแบบสาขา และการพัฒนา
บุคลากร แต่ค่าใช้จ่ายลงทุนดังกล่าวเป็นทั้งลงทุนครั้งเดียวทำให้ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้ายังคงเห็นค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน และราย
ได้ยังทยอยเข้ามาน้อยมาก
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวด
อาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย. หลัง
จากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในยุโรปปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันคริสต์มาส ส่วนตลาดหุ้นหลายแห่งใน
เอเชีย ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเลเซีย จะปิดทำการในวันนี้เช่นกัน
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีกำหนดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ หลังจากคณะ
กรรมการ BOJ มีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้คงนโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย
คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% พร้อมกับประกาศเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผล
ตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%
- นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของสกุลเงินบิตคอยน์อย่างใกล้ชิด หลังจากบิตคอยน์ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 12,000
ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ จากการที่นักลงทุนแห่เทขาย หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของบิตคอยน์
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--