นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโครงการในจังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และกำแพงเพชร ซึ่งเป็นภารกิจก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นการในวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) โดยได้มอบนโยบายในการดำเนินงานให้แก่พลังงานจังหวัด ในเขตพื้นที่ (อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) ก่อนตรวจเยี่ยมโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่
โครงการส่งเสริมระบบอบแห้งแสงอาทิตย์ สำหรับชุมชนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ณ กลุ่มสตรีสหกรณ์บางกะทุ่ม 2 (บางกระทุ่มโมเดล) อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ซึ่งได้ดำเนินการสนับสนุน 30 ระบบ (ขนาด 187.2 ตารางเมตรต่อระบบ) ครอบคลุมพื้นที่ 5,616 ตารางเมตร เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการอบกล้วยตาก ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชน จากเดิมที่ประสบปัญหาแมลงรบกวน ฝุ่นละออง การเปียกฝน การอบกล้วยด้วยโดมอบแห้ง ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยช่วยลดการสูญเสียจากการตากด้วยวิธีธรรมชาติได้ 5-10% ต่อปี และช่วยสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากกล้วยตากในระบบอบแห้งแสงอาทิตย์ จากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกิจการในด้านสิ่งแวดล้อม และเกิดการจ้างแรงงานภายในชุมชนต่อเนื่อง โดยคนสูงอายุก็จะมีรายได้จากการแบนกล้วยอีกด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายผลการส่งเสริมระบบอบแห้งแสงอาทิตย์ดังกล่าว กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ ฯ ในปี 2561 โดยจะสนับสนุนชุมชนและผู้สนใจจะลงทุนติดตั้งใช้งานระบบอบแห้งแสงอาทิตย์รูปแบบพาราโบล่าโดมตามงบการติดตั้งบางส่วน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยีระบบอบแห้งแสงอาทิตย์ ลดการใช้พลังงานจากน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้าในการขบวนการอบแห้ง ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561
โครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการนำก๊าซธรรมชาติพลอยได้จากการผลิตน้ำมันดิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน อันเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ สามารถสร้างประโยชน์ต่อชุมชนตำบลหนองตูม ที่สามารถแปรรูปผลผลิตการเกษตร ได้แก่ กล้วย ฟักทอง มัน และเผือกได้ถึง 60 ตันต่อวัน จากการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้ทดแทนก๊าซหุงต้มในการแปรรูปผลผลิตการเกษตร โดยก๊าซธรรมชาติจะถูกส่งผ่านท่อจากฐานผลิตหนองตูม-เอ มายังศูนย์แปรรูปผลผลิตการเกษตรตำบลหนองตูม ซึ่งมีโรงเรือนเพื่อใช้ทอดผลิตภัณฑ์ 4 โรง และมีเตาทอดผลิตภัณฑ์ 240 เตา สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ถึงร้อยละ 50
โดยในปี 2559 สามารถลดค่าก๊าซได้กว่า 30 ล้านบาท และยังเป็นการสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ จนไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลี เวียดนาม และ ทวีปยุโรป