นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าทั้งปี 60 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.38 ล้านคน เติบโต 8.77% จากปีก่อน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.83 ล้านล้านบาท เติบโต 12%
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-23 ธ.ค.มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 34,331,185 ล้านคน เติบโต 8.51% รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1,764,957.72 ล้านบาท เติบโต 11%
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.60) พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 31.84 ล้านคน ขยายตัว 8.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึง พ.ย.60 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้สร้างรายได้ให้แก่ประเทศและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ รวม 2.41 ล้านล้านบาท ขยายตัว 9.77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้ แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ 1.63 ล้านล้านบาท และการท่องเที่ยวของชาวไทย 7.78 แสนล้านบาท
ขณะที่เฉพาะเดือน พ.ย.60 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 3.02 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 1.93 ล้านคน รองลงมา ได้แก่ ยุโรป, อเมริกา, เอเชียใต้, โอเชียเนีย, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ โดยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในเดือน พ.ย.60 อยู่ที่ 159,498 ล้านบาท ขยายตัว 24.82% โดยนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก คือ จีน รัสเซีย อเมริกา เกาหลี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น มาเลเซีย เยอรมนี อินเดีย และออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ได้เตรียมแผนการลงทุนเพื่อซ่อมสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 61 ซึ่งขณะนี้ฝ่ายเศรษฐกิจกำลังจัดเตรียมงบประมาณ โดยงบก้อนใหญ่จะเป็นงบที่เหลือจากปี 60 และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นงบขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็จะนำมาพัฒนาในส่วนนี้
นายพงษ์ภาณุ ยังกล่าวถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ลดหย่อนปีภาษีในปี 61 พร้อมเห็นด้วยที่จะต้องนำมาตรการออกมาใช้ให้เร็วตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้การกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองประสบผลสำเร็จ เนื่องจากแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดจะมีฤดูกาลท่องเที่ยวที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ดังนั้นการออกมาตรการช้าจะทำให้การท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่เฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวเดิมๆ เท่านั้น