พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงสรุปผลคดีพิเศษที่สำคัญในปี 60 ว่า ดีเอสไอมีการดำเนินคดีพิเศษจำนวน 291 คดีและสอบสวนเสร็จสิ้นจำนวน 124 คดี ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 120 คดี
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่สามารถเรียกคืน หรือรักษาผลประโยชน์ให้แก่รัฐและประชาชนในปี 60 เป็นคดีที่มูลค่า 84 คดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 107,220.82 ล้านบาท ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่กำหนดไว้ 15,000 ล้านบาท
สำหรับคดีพิเศษที่สำคัญ ได้แก่ คดีธนาคารกรุงไทย (KTB) ปล่อยกู้ให้ บมจ. กฤษดามหานคร โดยมิชอบ ซึ่งทางดีเอสไอรับไว้ 2 คดี คือ ความผิดฐานฟอกเงิน คดีนี้สอบสวนเสร็จและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 13 คน ได้ส่งพนักงานอัยการตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.60 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานชั้นอัยการ
ส่วนกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มาร้องทุกข์กับนายพานทองแท้ ชินวัตร และพวกรวม 4 คน ที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดในการปล่อยกู้ จำนวน 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท โดยครบกำหนด พิสูจน์ความบริสุทธิ์วันที่ 18 ธ.ค.60 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้ส่งเอกสารแล้ว และกำชับพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 2561 ก่อนผลของคดีจะหมดอายุความฟ้องลง
นอกจากนี้ ยังมีคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษจำนวน 17 สำนวน มูลค่าความเสียหายกว่า 335,434.78 ล้านบาท ขณะนี้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว 8 สำนวน อยู่ระหว่างสอบสวน 9 สำนวน และเป็นเรื่องสืบสวน จำนวน 2 สำนวน คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 61
ส่วนคดีวัดพระธรรมกาย ที่ขยายผลมาจากการทุจริตภายในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทางดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษ 3 คดี ได้แก่ คดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ที่พบว่า มีเงินจากคดีสหกรณ์คลองจั่นสั่งจ่ายไปยังพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินกว่า 1,458 ล้านบาท สำหรับคดีพระธัมมชโยสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีความเห็นสั่งฟ้อง ก่อนออกหมายจับพระธัมมชโย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบเบาะแสว่าพระธัมมชโยกลับเข้ามาในพื้นที่ของวัด