ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดยอดขายรถยนต์ในปท.ปี 61 ขยายตัว 2-5% แนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตดี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 27, 2017 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดตลาดรถยนต์ในปี 61 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดรถยนต์นั่งซึ่งจะมีการเปิดตัวใหม่ออกมาอีกหลายรุ่น และกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบนัก ซึ่งน่าจะสามารถทำตัวเลขยอดขายได้กว่า 880,000-900,000 คัน หรือจะขยายตัว 2-5% จากปี 60 ที่ตลาดรถยนต์ในประเทศ พลิกกลับมาฟื้นตัวอย่างมากหลังหดตัวต่อเนื่องกันมาถึง 4 ปี โดยแรงหนุนสำคัญน่าจะมาจากกำลังซื้อของประชาชนที่ฟื้นคืน และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตรงใจผู้บริโภคที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยอดขายรถยนต์ปี 2560 นี้จะปิดตัวเลขที่ประมาณ 860,000 คัน หรือขยายตัวกว่า 11.6% จากปีก่อน

สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทยในปี 61 มีแนวโน้มที่เอื้อประโยชน์ต่อการขยายตัวของตลาดรถยนต์นั่งในประเทศมากกว่ารถเพื่อการพาณิชย์ที่ได้รับแรงกดดันจากระดับราคาสินค้าเกษตรที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมีมุมมองต่อตลาดรถยนต์นั่งปี 61 น่าจะมีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่ารถเพื่อการพาณิชย์ โดยคาดว่ารถยนต์นั่งน่าจะทำยอดขายได้ที่ประมาณ 400,000 ถึง 410,000 คัน หรือขยายตัว 3-5% เมื่อเทียบกับปี 60 โดยประเภทรถที่มองว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดน่าจะอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ขณะที่รถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จะเป็นรถยนต์อีกประเภทที่จะมีลูกเล่นการแข่งขันที่มากขึ้นในปี 61 ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะมียอดขายที่ประมาณ 480,000-490,000 คัน หรือขยายตัว 2-4% เมื่อเทียบกับปี 60 โดยรถปิกอัพ 4 ประตู จะยังคงเป็นประเภทรถที่มีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่ารถประเภทอื่นๆ เช่นเดียวกันกับปี 60

สำหรับในปี 61 ผู้บริโภคน่าจะเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดค่อนข้างมาก อันจะบ่งชี้ไปถึงทิศทางตลาดรถยนต์ไทยในอนาคตด้วย หากกระแสตอบรับต่อรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าออกมาดี โดยมีปัจจัยด้านราคาจำหน่ายรถยนต์เป็นตัวกำหนดทิศทางที่สำคัญก็น่าจะทำให้อนาคตของตลาดรถยนต์ประเภทดังกล่าวเติบโตต่อไปได้อย่างดีด้วย ส่งผลต่อเนื่องไปถึงธุรกิจสถานีบริการชาร์จไฟฟ้าที่น่าจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยหลายฝ่ายเองก็ได้มีแผนงานด้านนี้เตรียมไว้อยู่แล้วดังข่าวที่มีมาเป็นระยะในช่วงตลอดปี 2560 และสำหรับการคาดการณ์ต่อตลาดรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าปี 2561 น่าจะมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมากและทำยอดขายรวมได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 คัน หรือขยายตัวมากกว่า 1.7 เท่า จากปี 60

โดยรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์อี-เพาเวอร์ ถือครองสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของตลาดรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารวม เนื่องจากในปี 61 จะมีการเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่มนี้ออกมาหลายรุ่นด้วยระดับราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ขณะที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะยังคงเน้นอยู่ในกลุ่มตลาดรถยนต์หรูต่อเนื่องจากปี 2560 ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมา ด้านรถพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่นั้นเป็นรถยนต์ประเภทใหม่ที่เพิ่งเริ่มสร้างการรับรู้จากตลาดในวงกว้าง ส่งผลให้มีส่วนแบ่งยอดขายที่ต่ำที่สุด ซึ่งตลาดรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารวมที่เติบโตขึ้นดังกล่าวจะทำให้กลายมามีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 3% ของตลาดรถยนต์รวมปี 61 จากที่มีสัดส่วนเพียง 1% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศรวมปี 60

"ตั้งแต่ปีหน้าไป รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเข้ามารุกตลาดมากขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ายอดขายรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าปี 2561 น่าจะมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมากและทำยอดขายรวมได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 คัน หรือขยายตัวมากกว่า 1.7 เท่า จากปี 2560 ที่คาดว่าจะมียอดขายรวม 11,200 คัน โดยรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์อี-เพาเวอร์ จะถือครองสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของตลาดรวมรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ตามมาด้วยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ตามลำดับ อย่างไรก็ตามศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ปัจจัยด้านราคาจำหน่ายรถยนต์จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการตอบรับของตลาดที่สำคัญ" เอกสารศูนย์วิจัยฯ ระบุ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้ว่าทิศทางการขยายตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 61 จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากราคาสินค้าเกษตรที่ยังมีแนวโน้มไม่ฟื้นตัวดีขึ้น หลังคาดว่าผลผลิตจะออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ขณะที่ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของประชาชนในกลุ่มฐานรากยังคงมีแรงกดดัน ทว่าจากสถานการณ์ตลาดพบว่ามีหลากปัจจัยที่เริ่มบ่งชี้ให้เห็นทิศทางที่จะเป็นบวกต่อยอดขายรถยนต์ในปี 61 มากขึ้น ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีขึ้น, การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน, การท่องเที่ยวในประเทศขยายตัว อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มทรงตัวในปี 61, ผู้ซื้อรถยนต์จำนวนมากในโครงการรถคันแรกที่ถือครองมาจนครบกำหนดมากกว่า 5 ปี ในปี 61 นี้ มีโอกาสที่จะทยอยขายรถยนต์ในโครงการเพื่อเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ