นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.-พ.ย.60) มีจำนวน 345,044 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 16,894 ล้านบาท หรือ 5.1% แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.0%
โดยมีสาเหตุจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต และส่วนราชการอื่น สูงกว่าประมาณการ 7,094 3,613 และ 1,771 ล้านบาท หรือ 22.3% 5.4% และ 8.0% ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเบียร์ และภาษีรถยนต์
"สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตัวดีของการบริโภคภาคเอกชน นับเป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ"นางสาวกุลยา กล่าว
ในส่วนกรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 240,367 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 4,260 ล้านบาท หรือ 1.7% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,584 และ 1,228 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0% (สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.9%) และ 2.0% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.9%) ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 192 ล้านบาท หรือ 0.5% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.3%)
กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 70,058 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,613 ล้านบาท หรือ 5.4% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 16.9%) โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษีรถยนต์ และภาษีน้ำมัน ที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,969 1,302 และ 364 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.6% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 54.3%) 7.9% (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 16.1%) และ 1.5% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22.3%) ตามลำดับ
กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 17,988 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1,412 ล้านบาท หรือ 7.3% (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.8%) โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 1,643 ล้านบาท หรือ 8.6% เนื่องจากการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าต้องอากรของสินค้าที่มีสัดส่วนอากรขาเข้าสูง ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 38,901 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,094 ล้านบาท หรือ 22.3% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.5%) โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 5 อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กองทุนรวมวายุภักษ์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
ด้านหน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 24,593 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,832 ล้านบาท หรือ 8.0% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 30.8%) เนื่องจากการรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร (Premium) เป็นรายได้แผ่นดิน เป็นสำคัญ
สำหรับกรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้รวม 585 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 61 ล้านบาท หรือ 11.6% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.4%) โดยรายได้จากการจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ
การคืนภาษีของกรมสรรพากร จำนวน 40,271 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 9,176 ล้านบาท หรือ 18.6% ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 33,384 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 10,216 ล้านบาท หรือ 23.4% และการคืนภาษีอื่น ๆ (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) จำนวน 6,887 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,040 ล้านบาท หรือ 17.8%
อากรถอนคืนกรมศุลกากร จำนวน 2,071 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 71 ล้านบาท หรือ 3.6%
การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 2,721 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 116 ล้านบาท หรือ 4.1%
เงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก จำนวน 1,800 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 806 ล้านบาท หรือ 30.9% เป็นผลจากการปรับอัตราการคืนเงินชดเชยภาษีสำหรับส่งออกจาก 0.75% เป็น 0.5% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ในเดือนพ.ย. 2560 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 149,043 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,137 ล้านบาท หรือ 2.9% (ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 7.4%) โดยการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณการ 3,541 2,650 และ 461 ล้านบาท หรือ 13.4% 155.4% และ 7.8% ตามลำดับ สำหรับภาษีที่จัดเก็บสูงกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษียาสูบ ภาษีรถยนต์ และภาษีเบียร์ เป็นสำคัญ