นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเปิดการประชุมและมอบนโยบายการบริหารราชการ ที่กรมส่งเสริมการเกษตรว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทัพขับเคลื่อนเกษตร โดยแต่งตั้งคณะอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด (Chief of Operation) โดยมีเกษตรจังหวัดเป็นประธาน และคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาการเกษตรระดับอำเภอ (Operation Team) โดยมีเกษตรอำเภอเป็นประธาน
โดยตั้งเป้าหมายเพื่อให้นโยบายการบริหารงานด้านการเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเฝ้าระวัง ติดตาม และรายงานสถานการณ์ที่จะเป็นปัญหาหรือส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาการเกษตรในพื้นที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผลักดันการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกัน ทั้งด้านข้อมูล การผลิต การตลาด เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากเกิดความเข้มแข็ง ตามแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานเพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยสู่การเป็นภาคเกษตรชั้นนำของโลก โดยใช้การตลาดนำการผลิต เพื่อให้การบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพด้านราคาและตลาด นำไปสู่การพลิกโฉมสู่ภาคเกษตร 4.0
ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดการประชุมทางวิชาการการบริหารราชการกรมส่งเสริมการเกษตรขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบด้วย ผู้อำนวยการกอง/สำนัก ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 - 9 เกษตรจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารราชการเพิ่มมากขึ้น และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการบริหารงานของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคณะทำงานทั้ง 2 คณะ ทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอ จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนงานเกษตรในพื้นที่ ครอบคลุมทั่วถึง รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตร ได้กำชับให้เกษตรจังหวัดและเกษตรอำเภอในพื้นที่ขับเคลื่อนการทำงานของ 2 คณะ ให้เป็นรูปธรรม โดยทำงานให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ ทั้งการรายงานผลการปฏิบัติการ เช่น การเกิดโรคระบาดในพืช จะต้องมีทีมเกษตรเข้าไปสนับสนุนการปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรในทันที รวมทั้งได้กำชับให้จัดทำและสำรวจข้อมูลเกษตรกร ข้อมูลพื้นที่ปลูกสินค้าเกษตรชนิดต่าง ๆ ของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงาน โดยข้อมูลจะต้องสัมพันธ์กันทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้สามารถวางแผนการทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ จะต้องนำหลักการทำงานโดยใช้ระบบส่งเสริมการเกษตร T&V system (Training & visiting) เข้ามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดการทำงานแบบสมดุลทั้งงานนโยบายและงานภารกิจปกติ ซึ่งการปฏิบัติการเชิงรุกครั้งนี้ จะทำให้สามารถตอบโจทย์และช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันสถานการณ์ และยังสามารถวางแผนการขับเคลื่อนภาคเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อีกด้วย