ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.22/24 แนวโน้มยังแข็งค่าจาก Fund Flow ไหลเช้า คาดกรอบต้นสัปดาห์หน้า 32.10-32.30

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 5, 2018 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.22/24 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า เล็กน้อยจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทลงไปแข็งค่าสุดที่ระดับ 32.15/17 บาท/ดอลลาร์ เชื่อว่าเป็นผลจาก flow ของนักลงทุนต่าง ชาติที่เข้ามาซื้อในตลาดพันธบัตรค่อนข้างมาก เพราะในส่วนของดอลลาร์สหรัฐเองก็ไม่ได้มีปัจจัยสำคัญที่กดดันให้อ่อนค่าลงในช่วงนี้ ซึ่ง คืนนี้ต้องรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค.ของสหรัฐ เนื่องจากมีส่วนช่วยหนุนดอลลาร์ได้

"ช่วง 3 วันนี้ ต่างชาติซื้อบอนด์ค่อนข้างเยอะ ถ้ายังซื้อในระดับนี้ บาทก็ยังมีทิศทางแข็งค่าได้ต่อ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.10 - 32.30 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.19/22 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.78 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2045/2047 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2072 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,795.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.43 จุด (+0.25%) มูลค่าการซื้อขาย 87,481 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,991.76 ลบ.(SET+MAI)
  • ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายพุ่งขึ้นทะลุ 1,800 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางแรงซื้อที่มีเข้ามา
อย่างหนาแน่น ในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มธนาคาร ,สื่อสาร รวมถึงพลังงาน แม้จะยังคงมีแรงขายหุ้น บมจ.ปตท.(PTT) ออกมาบ้างก็
ตาม ขณะที่การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้นในวันนี้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ ตั้งแต่ต้นปี 61 เงินบาทแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับเงินสกุลของภูมิภาค
แต่ยอมรับว่าเคลื่อนไหวค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ(USD) โดยการแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลจากการอ่อนค่าของ
เงิน USD ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีการไหลเข้าของเงินทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรทั้งภูมิภาค

ทั้งนี้ ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด และหากค่าเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินควร จน อาจกระทบต่อการปรับตัวของภาคเอกชน ธปท.ก็พร้อมทำหน้าที่ธนาคารกลางในการเข้าไปดูแล

  • คณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) ได้ออกมาตรการคุมเข้มครั้งใหม่โดยห้ามไม่ให้บริษัทประกัน
ใช้แผนการลงทุนในไพรเวทอิควิตี้เป็นช่องทางสร้างหนี้ให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการเข้ามาจัดการกับปัญหาหนี้สิน
และลดความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา

การออกมาตรการดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งเปิดโอกาสให้เอกชน สามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางกู้ยืมเงินของรัฐบาลท้องถิ่นด้วย โดยหากไม่มีมาตรการควบ คุมแล้ว ต้นทุนในการระดมทุนก็จะปรับตัวขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายงานว่าฐานเงินของญี่ปุ่นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2560 เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยทำ
สถิติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน ฐานเงินซึ่งประกอบไปด้วย
กระแสเงินสดและเงินฝากของสถาบันการเงินที่ฝากไว้กับธนาคารกลางญี่ปุ่น อยู่ที่ 480 ล้านล้านเยน (4.25 ล้านล้านดอลลาร์
สหรัฐ) ณ ปลายเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.7% จากปี 2559
  • นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค.,

ดุลการค้าเดือน พ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน พ.ย. และดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ

(ISM)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ