(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.90 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์-เม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 31.80-32.00

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 15, 2018 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.90 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.97 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแรงเทขายดอลลาร์ออกมาแล้วไปถือครองยูโรแทน เนื่องจากตลาดคาด การณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะลดมาตรการ QE และมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาใน ตลาดพันธบัตร

"บาททำนิวโลว์นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ ประกอบกับมี flow ไหลเข้ามาในตลาด bond" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 31.80-32.00 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (12 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.17946% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (12 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.11945%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.9283 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.67 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 111.08 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.2205 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2119 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.9390 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (15-19 ม.ค.)ที่ 31.70-32.10 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตากระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดการเงินไทย ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ
ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน การขออนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค. ตัวเลขเงินทุนไหลเข้า
สุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้
บริโภค (เบื้องต้น) เดือนม.ค. ตลอดจนรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามจีดีพีไตรมาส 4/60 ของ
จีน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังเร่งเทขายสินค้าล้างสต๊อก
ที่เหลือค้างในปีที่แล้วให้หมด เพื่อไม่ให้ มากดดันราคาสินค้าในปีนี้ โดยส่วนใหญ่ยอมขายแบบขาดทุนกำไร เนื่องจากต้องการนำเงิน
มาหมุนเวียนในการผลิตสินค้ารอบใหม่ หลังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ แข็งค่าขึ้นเร็ว
  • ภาพรวมทิศทางทองคำปี 2561 ความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังเป็นปัจจัยกดดันที่สำคัญ ขณะปัจจัย
บวกต่อทองคำ ยังมาจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ, นโยบายการปฏิรูปภาษี "ทรัมป์" ,การพักฐานของตลาดหุ้นขนาดใหญ่หลังดีด
ขึ้นมาเกินปัจจัยพื้นฐาน และสถานการณ์ "เยรูซาเล็ม" จะช่วยเพิ่มแรงซื้อให้ไหลเข้าสู่ทองคำจนราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยรวมทั้งปีมีลุ้น
ได้เห็น 21,000-22,000 บาท
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้คาดการณ์จัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบ
ประมาณ 61 จะทำได้ 2.463 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.45 ล้านล้านบาท ประมาณ 13,000 ล้านบาท โดยสาเหตุที่
ทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ปีนี้สูงกว่าที่คาด มาจากการมีรายได้เพิ่มเข้ามา 51,000 ล้านบาท จากการที่สำนักงานคณะกรรมการ
กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทร
คมนาคม คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ช่วงเดือน พ.ค. 61 แต่หากหักรายได้พิเศษจากการออกใบ
อนุญาตคลื่นความถี่ไปจะทำให้รัฐบาลมีรายได้หลุดเป้าหมาย 38,000 ล้านบาท
  • กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิกซ์ โซลูชั่น เปิดเผยว่า กระแสขุดบิทคอยน์ที่มาแรงในช่วงนี้นั้นส่วนหนึ่งมาจากการ
กระพือข่าวของทั้งสื่อไทยและต่างชาติ หลังปลายปีที่ผ่านมาค่าเงินพุ่งไปถึง 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ จนทำให้นักขุดทองต่างตื่นตัว อยาก
จะเสี่ยงโชคบ้าง
  • บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า นักลงทุนต้องติดตามการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส
4 ปี 60 ที่จะเริ่มทยอยออกมาภายในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่เริ่มการ
ประกาศงบการเงิน อาจส่งผลให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการคาดการณ์ว่ากำไรธนาคารพาณิชย์บางแห่งจะ
เริ่มดีขึ้นหลังการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง ซึ่งช่วยดันดัชนีหุ้นไทยให้ผันผวนในแดนบวกต่อ เบื้องต้นเชื่อว่านักวิเคราะห์จะปรับ
ประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 61 ใหม่หลังประกาศงบการเงินเสร็จแล้ว
  • นักเศรษฐศาสตร์ประจำศูนย์การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GDP) ของจีนอาจเติบโตแตะที่ระดับ 6.9% ในปี 2560

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลข GDP สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากผลลัพธ์เศรษฐกิจเหนือความคาดหมายในปีที่ ผ่านมา

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่ง
สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย. และหากเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 5.4%
ในเดือนธ.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลัง
จากดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ย.
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4
ของปีที่แล้ว และไตรมาส 1 ของปีนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค.เมื่อวันศุกร์
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่
อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้
ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความ
เชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ