ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.93/95 ทิศทางยัง sideway คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.90-32.00

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 18, 2018 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.93/95 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัว จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.92 บาท/ดอลลาร์

ทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบ sideway โดยระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลมากนักต่อการเคลื่อน ไหวของค่าเงิน

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.90-32.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.27/31 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.27 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2211/2215 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2193 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,819.32 จุด ลดลง 9.56 จุด (-0.52%) มูลค่าการซื้อขาย 81,813 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 244.26 ลบ.(SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำหนังสือถึงนาย
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2560 ที่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมาย
นโยบายการเงิน เกิดจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ คือ การลดลงของราคาอาหารสด ไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ
เงินฝืด และไม่เป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ ในรายงานนโยบายการเงิน ฉบับเดือนธันวาคม 2560 กนง. ประมาณการว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2561 มีแนว โน้มสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.1% และจะเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายในครึ่งแรกของปี 2561

  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในกรณีที่สภาความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศ (CFR) องค์กรคลังสมองในสหรัฐระบุว่าไทยอาจเข้าข่ายขึ้นบัญชีดำประเทศปั่นค่าเงินของสหรัฐ ซึ่ง CFR จะเปิดเผยข้อมูล
ในเดือน เม.ย.นี้ เนื่องจากเข้าข่ายคุณสมบัติประเทศแทรกแซงค่าเงินทั้ง 3 ข้อ ทั้งนี้ไทยพร้อมให้มีการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาไทย
ดำเนินการด้วยความโปร่งใสมาโดยตลอด พร้อมทั้งได้กำชับให้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิด ไม่ให้
เกิดความผันผวน
  • PwC's Global Economy Watch เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโต
ได้ 3.5-4% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออก ซึ่งขยายตัวตามการฟื้นตัวอขงเศรษฐกิจในประเทศหลัก เช่น สหรัฐ และการ
ลงทุนที่ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเร่งลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่จะเห็นความคืบหน้าชัดเจนในปีนี้ และน่าจะ
ช่วยกระตุ้นให้การลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวด้วยเช่นเดียวกัน
  • รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกจังหวัดในปี 61 จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.08% และทำให้กรอบ
การการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 61 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.70-1.70% จากเดิมคาด 0.60-1.60% โดยในสัปดาห์หน้า จะนัดหารือกับภาค
เอกชนทุกกลุ่มสินค้า
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตลอดปี 2560 ขยายตัว
6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนที่ระดับ 6.5% ส่วน GDP ไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 6.8% โดย
เศรษฐกิจจีนในปี 2560 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและอยู่ในทิศทางที่น่าพอใจ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่วน
ใหญ่เป็นผลมาจากการที่จีนหลีกเลี่ยงการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากเกินไป ควบคู่ไปกับการผลักดันการปฏิรูปฝั่งอุปทาน
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง

เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และความเชื่อมั่นผู้

บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ