ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.83/86 แกว่งแคบตลาดจับตาผลประชุม ECB-BOJ คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.75-31.90

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 22, 2018 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.83/86 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เช้าเปิดตลาดที่ระดับ 31.89 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยัง sideway ในกรอบแคบๆ เพราะตลาดจับตารอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคาร กลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งในส่วนของ ECB นั้นตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการตัดสินใจปรับลด QE ในการประชุมรอบนี้ ขณะที่การประชุม BOJ รอบนี้น่าจะยังคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิม

"วันนี้บาทยังเคลื่อนไหวแคบๆ ตลาดรอดูผลการประชุมสำคัญ 2 เรื่องในสัปดาห์นี้ คือ ผลประชุม BOJ ในวันพรุ่งนี้ และ ผลประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่าในระยะสั้นนี้ยัง ไม่มัปัจจัยสำคัญที่จะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่ากลับไปแตะที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ได้

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.59 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.79 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2239/2260 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2231 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,824.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด (+0.15%) มูลค่าการซื้อขาย 59,794 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 458.23 ลบ.(SET+MAI)
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยการส่งออกทั้งปี 2560 ของไทยมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 236,694 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่การส่งออกเฉพาะเดือนธ.ค.60 ขยายตัว 8.6% ที่มูลค่า 19,741 ล้าน
ดอลลาร์ การนำเข้า ขยายตัว 16.6% ที่มูลค่า 20,019 ล้านดอลลาร์ ทำให้ในเดือนธ.ค.60 ไทยขาดดุลการค้า 278 ล้านดอลลาร์
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-32.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.83 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยตลาดจะ
จับตากรณีปิดหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ ว่าจะมีความยืดเยื้อหรือไม่ รวมทั้งจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น และการประชุม
ธนาคารกลางยุโรป
  • รมว.พาณิชย์ มอบนโยบายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ติดตามสถานการณ์ชัตดาวน์ (Government
Shutdown) หรือการปิดดำเนินการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด

สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเบื้องต้น จะไม่กระทบการค้า ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รวมทั้งการเดินทางเข้า-ออก สหรัฐฯ ของนักธุรกิจไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองยังคงทำงานต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี อาจมีความล่าช้าในการประสานงานกับหน่วยงานสหรัฐฯ บางแห่งบ้าง

สำหรับกรณีการชัตดาวน์เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดการชะลอการนำเข้าสินค้าจากไทย เนื่องจากอัตราแลก เปลี่ยนที่ผันผวนอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการดำเนินกิจกรรมทางการค้าของผู้นำเข้าสหรัฐฯ รวมทั้งนักธุรกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯ จะลดปริมาณการใช้จ่ายลงได้

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปี 61 มีโอกาสขยับลงมาอยู่ที่กรอบประมาณ 77-78% ภาย
ใต้สมมติฐานที่เศรษฐกิจไทยปี 2561 ขยายตัวในกรอบ 3.5-4.5% จากสิ้นปี 60 อยู่ที่กรอบประมาณ 78.3-78.5%
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 61-63 จะเน้นการปรับขนาดองค์กรให้มีขนาดเล็กลง เพื่อสามารถ
ตีลังกาและเดินไปข้างหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว โดยจะมีการลดจำนวนพนักงาน-ปรับลดจำนวนสาขา นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้า
ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี (IT) อย่างต่อเนื่องในปี 61 เพื่อสร้างศักยภาพในด้านการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่าง
ยั่งยืน
  • โฆษกคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวดีกว่าคาดใน
ปี 2560 และยังสอดคล้องไปในทางเดียวกันกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และโครงสร้างที่ดีขึ้น
  • กระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) เปิดเผยว่า การบริโภคของจีนฟื้นตัวขึ้นในปี 2560 โดยได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์สินค้า
และการบริการคุณภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
  • นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังทำ
งานกันอย่างหนัก เพื่อเร่งผลักดันให้หน่วยงานของรัฐบาลสามารถกลับมาดำเนินงานได้อีกครั้ง

ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐมีกำหนดโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวอีกครั้งในช่วงเที่ยงวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 24.00 น.ตามเวลาไทยในวันอังคาร ขณะที่การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐบางส่วน หรือ ชัตดาวน์ กำลังจะก้าวเข้าสู่วันที่ 3 ใน วันนี้ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ทันกำหนดเส้นตายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มการประชุมนโยบายการเงินที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันแล้วในวันนี้ โดยมีแนวโน้มว่า

คณะกรรมการบริหารของ BOJ จะคงนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป แม้ว่าจะมีสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ

ในขณะที่เงินเฟ้อของประเทศยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ