พาณิชย์ ถกผู้ผลิตกว่า 100 ราย ยันยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าหลังปรับค่าแรงขั้นต่ำ 1 เม.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 24, 2018 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ผลิตสินค้ากว่า 100 ราย เพื่อหาแนวทางตรึงราคาจำหน่ายสินค้า หลังจากรัฐบาลจะประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกวันละ 5-22 บาทในวันที่ 1 เม.ย.นี้ว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยืนยันว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า เพราะส่วนใหญ่จ่ายค่าจ้างแรงงานสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว และยังได้ปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน ดังนั้นจึงจะไม่มีการปรับขึ้นราคาขายสินค้าอย่างแน่นอน แต่อาจมีบางกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบจากสินค้าเกษตรที่ต้องใช้แรงงานมาก รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) หากผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระได้ และต้องการขอปรับขึ้นราคา กระทรวงฯ จะพิจารณาให้ตามข้อเท็จจริงและความเหมาะสม

ส่วนภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร ภัตตาคารที่มีความอ่อนไหวด้านราคานั้น กระทรวงฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า ใช้แรงงานมากน้อยเพียงใด ได้รับกระทบหรือไม่ร หากพบการขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรม ผู้บริโภคสามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569 จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และหากพบมีการเอาเปรียบผู้บริโภคจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย

รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อถึงราคาน้ำตาลทรายว่า หลังจากประกาศลอยตัวราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานไปแล้ว ล่าสุด จากการออกตรวจสอบสถานการณ์ค้าของกรมการค้าภายใน พบว่าราคาขายปลีกน้ำตาลทรายโดยทั่วไปลดลงกิโลกรัมละ (กก.) ละ 2 บาท ตามราคาหน้าโรงงานที่ลดลงตามราคาตลาดโลกในขณะนี้ หรือขายอยู่ที่กก.ละ 21.50 บาท จากราคาเพดานสูงสุดที่กำหนดไว้กก.ละ 23.50 บาท

"กระทรวงฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น เครื่องดื่ม น้ำอัดลม ให้คืนความสุขให้ประชาชนด้วย เมื่อต้นทุนราคาน้ำตาลทรายลดลง เช่น หากลดราคาขายไม่ได้ ก็อาจจัดเป็นโปรโมชั่น เพื่อไม่เอาเปรียบผู้บริโภค แต่หากพบว่าต้นทุนลดลง แต่ผู้ประกอบการยังเอาเปรียบผู้บริโภคอยู่ ก็อาจมีมาตรการจัดการ" รมว.พาณิชย์ระบุ

ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันที่ 1 เม.ย.นี้ กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ ภาคเกษตร และผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งคาดว่าสินค้าที่ใช้สินค้าเกษตรในประเทศเป็นวัตถุดิบหลัก อย่างอาหารกระป๋อง, ผลไม้/น้ำผลไม้กระป๋อง, อาหารทะเลกระป๋อง เช่น ปลากระป๋องที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบนำเข้า เป็นต้น จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และอาจปรับขึ้นราคาขายได้ แต่การจะขึ้นราคาขายหรือไม่ ไม่ใช่แค่ต้นทุนขึ้นอย่างเดียว ผู้ผลิตจะดูสภาพตลาดด้วย ถ้ากำลังซื้อไม่มี การปรับขึ้นราคาขายก็ไม่มีปะโยชน์

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่งในกรุงเทพฯ จ่ายค่าแรงวันละ 350-400 บาท สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว จึงจะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ แต่กลุ่ม SMEs ในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งที่ใช้แรงงานมาก และไม่มีเครื่องจักรใช้แทนคนจะได้รับผลกระทบมาก ซึ่งภาครัฐต้องมีมาตรการเข้ามาดูแล แต่จนถึงขณะนี้ผู้ผลิตยังไม่ได้แจ้งการปรับขึ้นราคาขายมายังสมาคมฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ