นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เผยเตรียมเสนอรัฐบาลขออนุมัติงบกลางปีจำนวน 4,200 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่สถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร โดยสนับสนุนสหกรณ์ให้ทำหน้าที่เป็นแก้มลิงเก็บรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ทั้งข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และยางพารา เพื่อชะลอปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว
"กรมฯ จะเสนอของบกลางปีจากรัฐบาล 4,200 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์การตลาด ทั้งฉาง ลานตาก โกดัง เครื่องอบลดความชื้นและอุปกรณ์ในการแปรรูปผลผลิตการเกษตรให้สหกรณ์ใช้เก็บรวบรวมผลผลิตไว้รอเวลาที่เหมาะสมจึงจะทยอยนำออกสู่ตลาด เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิตการเกษตรให้แก่เกษตรกร" นายพิเชษฐ์ กล่าว
โดยเป้าหมายการทำแก้มลิงชะลอผลผลิตการเกษตรคาดว่าจะสามารถรวบรวมผลผลิตได้เพิ่มขึ้น 1,092,000 ตัน ซึ่งจากการสำรวจมีสหกรณ์แจ้งขอเข้าร่วมโครงการเพื่อรับการสนับสนุนอุปกรณ์ในการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมด 263 แห่ง แบ่งเป็น ข้าว 138 แห่ง, ข้าวโพด 42 แห่ง, มันสำปะหลัง 39 แห่ง และยางพารา 44 แห่ง
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดออกไปตรวจสอบสหกรณ์ที่ขอรับเข้าร่วมโครงการฯว่ามีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตเหล่านี้จริงหรือไม่ โดยยึดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกว่าสหกรณ์ที่ขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดจากรัฐบาลแล้วจะต้องนำไปใช้ประโยชน์ต้องเกิดจากความสมัครใจของสหกรณ์เอง และต้องมีมติจากคณะกรรมการสหกรณ์ในการเห็นชอบให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
สำหรับการพิจารณาคุณสมบัติสหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นสหกรณ์ไม่มีข้อบกพร่องหรือทุจริต เป็นสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตการเกษตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งกรมฯ จะพิจารณาอุดหนุนอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อนำไปสนับสนุนต่อยอดจากของเดิมให้มีศักยภาพในการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อสหกรณ์ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ หรือก่อสร้างฉาง ลานตาก โกดังเพื่อรวบรวมผลผลิตแล้ว การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของสหกรณ์จะต้องโปร่งใส และกรมฯ จะมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกรมเข้าไปกำกับและดูแลติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่สมาชิกและเกษตรกรทั่วไป
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมฯ ได้สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดและปัจจัยพื้นฐานให้สหกรณ์การเกษตรนำไปใช้ในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีสหกรณ์รวบรวมข้าว 351 แห่งในพื้นที่ 48 จังหวัด ปริมาณ 1.76 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 15,735 ล้านบาท สหกรณ์รวบรวมมันสำปะหลัง 97 แห่ง ปริมาณ 576,467 ตัน สหกรณ์รวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 98 แห่ง ปริมาณ 1.087 ล้านตัน และสหกรณ์ที่รวบรวมยางพารา 441 แห่ง ปริมาณ 250,678 ตัน ซึ่งช่วยดูดซับผลผลิตไว้ส่วนหนึ่งไม่ให้ล้นตลาด และช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรได้ระดับหนึ่ง โดยกรมฯ พยายามจะผลักดันให้สหกรณ์หันมาทำธุรกิจรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรให้มากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการอยากเห็นสหกรณ์การเกษตรได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับคุณภาพและราคาผลผลิตทางการเกษตรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
"กรมฯ ได้คัดเลือกสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็งเข้ามาสนับสนุนนโยบายดังกล่าว และจะเสริมศักยภาพการรวบรวมผลผลิตการเกษตรของสหกรณ์เพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไป" นายพิเชษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ วางแนวทางเพื่อต่อยอดจากโครงการแก้มลิง โดยสนับสนุนสหกรณ์แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร ปัจจุบันสหกรณ์มีโรงสี 93 แห่ง ได้มาตรฐาน GMP จำนวน 39 แห่ง เป็นสหกรณ์ที่มีการแปรรูปข้าวถุงเพื่อจำหน่าย จำนวน 48 สหกรณ์ การแปรรูปมันสำปะหลังเป็นมันเส้นสะอาดเพื่อนำไปผลิตอาหารสัตว์ มีสหกรณ์รวบรวมมันสำปะหลัง จำนวน 97 สหกรณ์ ผลการรวบรวม 576,467 ตัน มีการแปรรูปเป็นมันเส้นจำนวน 54 สหกรณ์ ปริมาณ 102,411 ตัน การแปรรูปนม มีสหกรณ์โคนมที่มีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ 100 แห่ง และได้มาตรฐาน GMP ทั้งหมด มีโรงงานแปรรูปนม UHT และนมพาสเจอร์ไรซ์ จำนวน 26 แห่ง การแปรรูปยางพารา มีสหกรณ์รวบรวมยางพารา 441 แห่ง มีการสหกรณ์แปรรูปยางพารา 14 แห่ง โดยแปรรูปเป็นแผ่นพื้นปูกระเบื้อง สายพานลำเลียง หมอนยางพารา ที่นอน รองเท้าบูท เป็นต้น และสนับสนุนสหกรณ์ให้มีการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพเพิ่มขึ้น ปัจจุบันสหกรณ์มีโรงงานปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 46 แห่ง ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ 28,000 ตัน