สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ธ.ค. 60 และไตรมาส 4/60 ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอุปสงค์ที่เติบโตดีตามการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดีเกือบทุกตลาด การบริโภคภาคเอกชนที่มีมูลค่ามากขึ้นจากมาตรการช็อปช่วยชาติ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ
ส่วนในด้านอุปทาน พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังขยายตัวในระดับสูง ดัชนีผลผลิตการเกษตรที่กลับมาขยายตัวได้ดี ประกอบดับความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง
"ปัจจัยดังกล่าว เอื้อให้เศรษฐกิจไทยในปี 60 ขยายตัวได้ดี"สศค.ระบุ
ทั้งนี้ สศค.ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในปี 60 ขยายตัวในระดับ 4% สูงกว่าที่คาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.8%
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล รองผู้อำนวยการ สศค. รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัว 5.9% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวทั้งจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะจากมาตรการช้อปช่วยชาติที่มีส่วนทำให้การจับจ่ายใช้สอยขยายตัวมากขึ้น และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า ทำให้ไตรมาส 4/60 ขยายตัวได้ดี 5.0% ต่อปี
นอกจากนี้ ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 นับตั้งแต่ต้นปี โดยขยายตัวสูงถึง 40.7% ต่อปี โดยเป็นผลจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทำให้ไตรมาส 4/60 ขยายตัวสูงถึง 33.9% ต่อปี เช่นเดียวกับปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 1.9% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวในเขตกรุงเทพฯ สูงถึง 13.9% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/60 ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.5% ต่อปี
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ระดับ 66.2 ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 33 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.58 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้นตามการส่งออก การท่องเที่ยวที่ขยายตัวในอัตราสูง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ ทำให้ไตรมาส 4/60 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 65.2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากช่วงก่อนหน้า ทั้งจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้างที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัว 9.5% ต่อปี จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ขยายตัวสูงถึง 8.4% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/60 ขยายตัว 9.5% ต่อปี ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/60 ขยายตัวที่ 3.1% ต่อปี เช่นเดียวกับ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัว 3.0% ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่สูงขึ้นมากทำให้ไตรมาส 4/60 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัว 3.6% ต่อปี สะท้อนภาคก่อสร้างภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้น
อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้า ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือน ธ.ค.60 ขยายตัว 8.6% ต่อปี เป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 โดยเฉพาะหมวดสินค้าสำคัญ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าเกษตรกรรม เป็นต้น ขณะที่ประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน-9 อินเดีย จีน อินโดจีน (CLMV) สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้น ทำให้ไตรมาส 4/60 มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 11.7% ต่อปี ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวต่อเนื่องที่ 16.6% ต่อปี โดยกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และสินค้าทุน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 14.6% ต่อปี
ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือน ธ.ค.60 ขาดดุลจำนวน -0.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/60 ดุลการค้ายังคงเกินดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในเดือน ธ.ค 60 มีจำนวน 3.53 ล้านคน ขยายตัว 15.5% ต่อปี ส่งผลให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวน 1.91 แสนล้านบาท ขยายตัว 21.0% ต่อปี โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจาก จีน รัสเซีย อินเดีย กัมพูชา ลาว และเกาหลีใต้ เป็นหลัก ทำให้ไตรมาส 4/60 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวน 9.28 ล้านคน ขยายตัว 19.5% ต่อปี
สำหรับดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวที่ 7.5% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวได้ดีจากหมวดพืชผลสำคัญ และหมวดปศุสัตว์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือน ธ.ค.60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 89.1 จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปที่จะส่งผลดีต่อการค้าและการลงทุน ทำให้ไตรมาส 4/60 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 87.3 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 85.2
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ 0.8% ต่อปี ลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยสาเหตุสำคัญมาจากการปรับตัวลดลงของราคาอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 0.6% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/60 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.9% และ 0.6% ต่อปี ตามลำดับ
อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ในเดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ 1.0% และไตรมาส 4/60 อยู่ที่ 1.1% ของกำลังแรงงานรวม ตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน พ.ย.60 อยู่ที่ 41.7% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60% ต่อ GDP สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.60 อยู่ที่ระดับ 202.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.4 เท่า