น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดำเนินการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ภายใต้โครงการปฏิรูปกฎเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของภาคเอกชน (Ease of doing business) นั้น
ธปท. ได้ดำเนินการผ่อนคลายหลักเกณฑ์เพิ่มเติมภายใต้โครงการดังกล่าว โดยออกประกาศที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1. ผ่อนคลายเพิ่มเติมให้บุคคลรายย่อยที่มีสินทรัพย์ทางการเงิน ตั้งแต่ 50 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 100 ล้านบาท (Qualified investor) สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยไม่ผ่านตัวกลางการลงทุนในประเทศ ภายใต้วงเงินลงทุน (flow) ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี (การอนุญาตครั้งนี้เป็นการขยายเพิ่มเติมจากเดิมที่อนุญาตให้เฉพาะบุคคลรายย่อยที่มีสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี เมื่อปี 2559) โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.1 ประเภทหลักทรัพย์: ให้ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศในประเทศสมาชิกอาเซียน หรือประเทศที่มีหน่วยงานกำกับดูแลเป็นสมาชิกของ IOSCO MMOU signatory A โดยสามารถดูรายชื่อประเทศได้จาก https://www.iosco.org หรือฝากเงินในประเทศดังกล่าว
1.2 เงื่อนไขอื่นๆ : ให้แจ้งความประสงค์การลงทุนต่อ ธปท. ทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน www.bot.or.th และจัดทำแบบรายงานการลงทุนเพื่อส่งให้ ธปท. เป็นรายไตรมาส ตามรายละเอียดในเอกสาร แนบข่าว ธปท.นี้
ในกรณีที่ Qualified investor ประสงค์ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยผ่านตัวกลางในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารพาณิชย์ สามารถลงทุนเพิ่มเติมได้ตามเกณฑ์และภายในวงเงินที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด
2. อนุญาตให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทต่าง ๆ ทุกประเภท จาก ก.ล.ต. เช่น บริษัทที่เป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน หรือตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทุกประเภท ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศให้แก่ผู้ลงทุนไทย จากเดิมที่อนุญาตเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ หรือผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล
ทั้งนี้ การผ่อนคลายหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ในภาพรวม ผู้ประสงค์จะลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศสามารถมีช่องทางการลงทุนมากขึ้น โดยจะลงทุนผ่านตัวกลาง เช่น บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารพาณิชย์ หรือจะลงทุนเองโดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลางก็ได้ โดยผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ลงทุนเองโดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลางได้ไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี และผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่ 50 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 100 ล้านบาท ลงทุนเองโดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลางได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ.ต่อปี และผู้ลงทุนทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวยังลงทุนผ่านตัวกลางได้อีกตามวงเงินเพิ่มเติมที่ได้รับจัดสรรจาก กลต. ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้แก่ผู้ลงทุน รวมทั้งส่งเสริมให้มีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายและสามารถกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
การผ่อนคลายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2561 เป็นต้นไป