นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายคณะกรรมการและผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ร่วมหารือ
นายสมคิด ให้นโยบายเร่งขับเคลื่อนองค์กรนำพัฒนาระบบรางของประเทศ มีส่วนสนับสนุนความก้าวหน้าและเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมย้ำว่า ที่ผ่านมาหลายประเทศใช้การพัฒนาระบบขนส่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งระบบคมนาคมอาจจะเป็นเส้นทางถนน, ท่าอากาศยาน แต่รัฐบาลยุคนี้ยืนยันว่าหลังจากนี้จะใช้การพัฒนาระบบรางเป็นยุทธศาสตร์ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเห็นผลเป็นรูปธรรม
นายสมคิด กล่าวถึงกำหนดการเยือนประเทศญี่ปุ่นว่า จะแวะเมืองฟูกูโอกะ ดูงานพัฒนารถไฟวิ่งหมุนเวียนรับส่งนักท่องเที่ยวภายในเมือง โดยจะให้ผู้บริหาร รฟท.เดินทางไปด้วย เพื่อศึกษาดูงานก่อนจะรวบรวมแนวคิดว่าจะดำเนินโครงการลักษณะนี้ได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากหลายเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยต้องการระบบคมนาคมเข้ามาสนับสนุน
ด้านนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบรางด้านต่าง ๆ เช่น รถไฟทางคู่ที่จะพัฒนาเส้นทางสายใหม่และภายในปี 2567 โดยจะบรรจุทางคู่เพิ่มอีก 4 เท่าของโครงข่ายรถไฟ รวมถึงการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายใหม่ จากปัจจุบันที่การรถไฟฯ มีโครงข่ายรถไฟครอบคลุม 47 จังหวัด ระยะทาง 4,044 กม. โดยจะเพิ่มอีก 681 กม. ภายในปี 2567 และครอบคลุม 61 จังหวัด ในอนาคตการลงทุนไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท
รวมถึงการพัฒนาโครงการรถไฟเกี่ยวกับการท่องเที่ยวตามเส้นทางรถไฟในปัจจุบัน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ครอบคลุมภาคเหนือ 16 จังหวัด ภาคอีสาน 18 จังหวัด ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ภาคกลาง 7 จังหวัด และภาคใต้ 9 จังหวัด รวมทั้งรายงานความคืบหน้าแผนฟื้นฟูที่ดำเนินการปัจจุบัน การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ รฟท.ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล ทั้งการให้ปลดล็อคมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 41 เพื่อกรอบอัตรากำลังพนักงานได้ตามความต้องการ เนื่องจากอยู่ในภาวะขาดแคลนเจ้าหน้าที่และการพิจารณาปรับโครงสร้างค่าโดยสารให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้น เพื่อลดการขาดทุนในอนาคต