บมจ.ปตท. (PTT) ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านพลังงาน ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพของประเท และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ปตท. จึงมีความยินดีที่ได้ลงนามความร่วมมือด้านพลังงาน กับ กฟผ. เพื่อร่วมกันศึกษา วางกรอบความร่วมมือในการประกอบธุรกิจพลังงาน ด้วยองค์ความรู้ในธุรกิจที่แต่ละหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเสริมสร้างให้เกิดการนำไปประยุกต์ และต่อยอดให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ประเทศได้ในอนาคต เพื่อให้การประกอบธุรกิจพลังงานของประเทศ เป็นไปอย่างมั่นคง และมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
ความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากเพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางพลังงาน และนโยบายที่ส่งเสริมมิติด้านนวัตกรรมผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสอดรับกับนโยบาย "Thailand 4.0" ที่มุ่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ Value Based Economy หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมแล้ว ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน และจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรมว่า ความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และจะได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีพลังงานใช้อย่างต่อเนื่อง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็น Pride and Treasure of Thailand ต่อไป
ด้านนายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่า กฟผ. กล่าวว่า กระแสการพัฒนาของ Disruptive Technology ในปัจจุบัน ส่งผลต่อโลกธุรกิจอย่างยิ่ง ปตท. และ กฟผ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านพลังงานของประเทศจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง รองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อให้ทันกับทิศทางการพัฒนาในระดับสากล
ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง ปตท. และ กฟผ. นี้ จึงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจพลังงานรวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ร่วมกัน เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ของทั้งสองหน่วยงานจะนำพาให้เกิดการขยายผลที่เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อประเทศชาติและประชาชน ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เพื่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือด้านพลังงานครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของสองรัฐวิสาหกิจไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ที่มีพันธกิจหลักในการดูแลความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองหน่วยงาน ได้ทำหน้าที่ตามพันธกิจของตนอย่างดีอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยไม่เคยเกิดภาวะวิกฤตทางพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และมีพลังงานทั้งในส่วนของ fossil fuel และไฟฟ้าให้ใช้อย่างต่อเนื่อง และมีต้นทุนในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด Team Thailand for Energy Business ที่จะช่วยดูแลความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาธุรกิจพลังงาน และนวัตกรรมทางด้านพลังงาน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นไป
"กระทรวงพลังงานมุ่งหวังทั้งสององค์กรเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจพลังงานในต่างประเทศ เพื่อส่งกลับมาเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทย รวมถึงจะเป็นการช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้อีกทางหนึ่งด้วย"รมว.พลังงาน ระบุ