ทรีนิตี้ มอง SET ปรับฐานรอบนี้ใช้เวลา 1-2 เดือนก่อนวิ่งต่อ, ธปท.จับตาเฟดใกล้ชิด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 6, 2018 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้ คาดว่า การปรับฐานตลาดหุ้นรอบนี้คาดว่าปรับตัวลงแรง เร็ว และจบเร็วโดยอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนในการปรับฐาน และจากนั้นมีโอกาสการปรับตัวขึ้นต่อ ทั้งนี้ จากสถิติในปี 1990 ตลาด Bull Market หรือตลาดที่ที่ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง 40% มักจะมีการปรับฐานราว 10% และใช้เวลา 1-2 เดือนในการปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุน

นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ Real Bond Yield อยู่ที่ประมาณ 0.6-0.8% ซึ่งต่ำมาก ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินค่อนข้างต่ำ โดยตัว Real Bond Yield จะเป็นตัวกำหนดทิศทางหุ้นโลก ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหรือหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่า โดยยังคาดเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้อยู่ที่ 1,900 จุด P/E 16.5 เท่า คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 121 บาท

"การปรับฐานรอบนี้เป็น Correction ใน Bull Market ปรับแรงเร็วและจบเร็ว อาจใช้เวลา 1-2 เดือนในการปรับฐาน จากนั้นมีโอกาสปรับขึ้นต่อ เพราะ EPS ปรับตัวเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกก็ยังดี"นายวิศิษฐ์ กล่าวในงานสัมมนา"ส่องเศรษฐกิจ พิชิตการลงทุน ปี 61"

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงตลาดมาจากความกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี โดยฉพาะกระแสข่าวว่าเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่สามารถยิงไปถึงสหรัฐได้ โดยจะเห็นได้ว่าสหรัฐตั้งฐานทัพที่เกาะกวม เรื่องนี้อาจจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการลงทุนทองคำสัดส่วน 5% และความเสี่ยงจาก Trump Policy หรือนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจส่งผลกระทบมายังภูมิภาคเอเชีย

ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) เนื่องจาก ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐออกมาดี และมีการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานใน 18 รัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและถี่ขึ้น เพราะมีแนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้น

ทั้งนี้ ธปท.จับตาดูอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐในช่วง 1-2 เดือนก่อนว่าจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอย่างไร ส่วนของไทย อัตราเงินเฟ้อยังค่อยฟื้นตัวขึ้นไป ขณะที่ค่าเงินบาทขณะนี้อ่อนตัวลงแล้วจากก่อนหน้าแข็งค่าขึ้นมากเพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่า

"โดยรวมสิ่งที่เกิดความผันผวน กระทบตลาดทุน แต่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเรายังแช็งแรง ธปท.มีมุมมองไปทางทีดีต่อเศรษฐกิจไทย" นายดอนกล่าว

ทั้งนี้ มุมมองของ ธปท.ยังคาดว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และปีหน้าปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง แต่สถานการณ์ขณะนี้เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว แต่คงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ส่วนญี่ปุ่น เศรษฐกิจค่อยๆดีขึ้นและคงไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจัยเหล่านี้ ธปท.จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ