นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพิเศษสำหรับการส่งเสริมการลงทุนภาคการเกษตรในระดับท้องถิ่น ตามการเสนอของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตทางการเกษตร และช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้สูงขึ้น เพื่อนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นในด้านการเกษตร และสร้างการเติบโตจากภายใน เพื่อวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ มาตรการพิเศษสำหรับการส่งเสริมการลงทุนภาคการเกษตร จะเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไขต่างๆ และให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการส่งเสริมการลงทุนในหมวดกิจการด้านการเกษตรตามเกณฑ์ปกติ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดประเภทกิจการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาคเกษตร เป็นกิจการที่จะให้การส่งเสริมตามมาตรการพิเศษนี้ เช่น กิจการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช กิจการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์ กิจการผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ กิจการผลิตเชื้อเพลิงจากผลผลิตการเกษตร กิจการผลิตหรือถนอมอาหารและเครื่องดื่ม กิจการห้องเย็นและขนส่งห้องเย็น ศูนย์กลางการค้าสินค้าเกษตร เป็นต้น
2. กำหนดเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี
- กรณีผู้ประกอบการที่ลงทุนในกิจการด้านการเกษตร โดยมีเงื่อนไขจะผ่อนปรนเงินลงทุนขั้นต่ำของโครงการ ซึ่งลดจากเดิม 1 ล้านบาท เหลือเพียง 5 แสนบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) และผ่อนปรนให้นำเครื่องจักรที่ใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการที่ขอรับส่งเสริมได้บางส่วน โดยจะต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% ของทุนจดทะเบียน และกิจการจะต้องมีสินทรัพย์ถาวรสุทธิ หรือเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่เกิน 50 ล้านบาท
โดยสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ คือ ให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นระยะเวลา 5-8 ปี เป็นสัดส่วนไม่เกิน 200% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
- กรณีผู้ประกอบการที่สนับสนุนหรือร่วมดำเนินการกับท้องถิ่นเพื่อดำเนินการในกิจการด้านการเกษตร โดยมีเงื่อนไขจะต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำของแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) และต้องมีความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือสหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่น
โดยสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ คือ ให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้จากกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิมเป็นระยะเวลา 3 ปี เป็นสัดส่วนไม่เกิน 100% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ที่จ่ายจริงในการสนับสนุนหรือร่วมดำเนินการกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น ค่าก่อสร้างโรงงาน และค่าเครื่องจักร เป็นต้น
ซึ่งทั้ง 2 กรณีดังกล่าว จะต้องยื่นคำขอรับการส่งเสริมตามมาตรการนี้ภายในปี 2561