นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวเสวนาในหัวข้อ "ไทยแลนด์ เทคออฟ 2018" โดยมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยปี 2561 สามารถเติบโตได้ดี และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4% ตามที่หลายหน่วยงานประมาณการไว้ เป็นผลจาการขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจในทุกๆด้าน ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม ดิจิทัล การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการท่องเที่ยว
"ปีนี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งออกไทยดีขึ้นด้วยซึ่งอาจจะดีกว่าที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินไว้ที่ 6% การบริโภคในประเทศก็จะปรับตัวดีขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศมั่นใจว่า จะมียอดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จากปีที่ผ่านมา มียอดลงทุน 7.2 แสนล้านบาท พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ลงไปในระดับชุมชมให้มากขึ้น"นายสมคิด กล่าว
สำหรับในปีนี้ สิ่งที่จะมีการเทคออฟ คือการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มีความสมดุล ด้วยการสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาด้านการเกษตร การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และดิจิตัล ซึ่งด้านเกษตร รัฐบาลมองถึงการปฏิรูปและสร้างความมั่งคั่งทางการเกษตร หาตลาดให้กับเกษตรกร พัฒนาสินค้าให้เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการค้าขายผ่านระบบอิคอมเมิร์ช
ด้านอุตสาหกรรม จะส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ เน้นให้เกิดสตาร์ทอัพ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา
นายสมคิด กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ว่า สนช.จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ... ในสัปดาห์นี้ ก่อนจะส่งกลับมาให้ครม.พิจารณา โดยเชื่อมั่นว่า เมื่อมีกฏหมายอีอีซี เกิดขึ้นจะส่งให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีมากขึ้น และน่าจะทำให้ยอดคำขอส่งเสริมการลงทุนมากว่าปีที่ผ่านมา ที่มียอดคำขอ 2 แสนล้านบาท
ทางด้านดิจิตัล นายสมคิดมองว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงอนาคตประเทศ จะทำให้เอสเอ็มอีสามารถค้าขายและเติบโตได้ทวีคูณ กลายเป็นสมาร์ทเอสเอ็มอี พร้อมกันนี้ ดิจิตัลจะเข้ามาเปลี่ยนให้การรับและจ่ายเงินของภาครัฐ เป็นระบบอิเล็คทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 27 มีนาคมนี้ และจะไปสอดรับการช่วยเหลือประชาชน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการทำ Big data โดยจะส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีการทำ Big data เพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากขึ้น
ทั้งนี้ นายสมคิด ระบุถึงปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า ไม่ได้ส่งผลต่อความเดินหน้าด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมองว่าเรื่องการเมืองก็เป็นเรื่องของการเมือง และเข้าใจดีว่า ทุกคนอยากให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ช่วงนี้อยากให้ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีก่อน
พร้อมย้ำว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืน ไม่ได้เป็นการลงพื้นที่เพื่อไปหาเสียง แต่เป็นความตั้งใจที่จะเข้าไปดูแลประชาชน โดยเข้าไปรับทราบปัญหาในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำมาแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
"ไม่มีเจตนาไปหาเสียง ไม่จำเป็นต้องหาเสียงเลย ดูจากประชาชนที่ตอบรับเขาดีใจที่รัฐบาลทำให้อะไรให้เขา ไม่มีใครทำการเมือง ถ้าในอนาคตจะมีเป็นเรื่องของดวงชะตา"นายสมคิด กล่าว