น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เผยผลหารือกับนายโทเบียส ฟีคิน เอกอัครราชทูตด้านกิจการไซเบอร์ออสเตรเลีย ว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) และการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดไมโครกลางและย่อม (MSMEs) ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นว่าภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะไทยมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เกิดการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ MSMEs ได้ขยายตลาดสินค้าและบริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันโลกไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น การค้าในยุคดิจิทัลจึงอาจมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสร้างความน่าเชื่อถือและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลไซเบอร์ที่เป็นประเด็นสำคัญในปัจจุบัน ซึ่งออสเตรเลียแจ้งว่าได้มีการออกกฎระเบียบใหม่ Mandatory Data Breach Notification Law ที่กำหนดให้หน่วยงานต้องแจ้งสำนักงานกรรมาธิการข้อมูลข่าวสารออสเตรเลีย และผู้ที่ได้รับผลกระทบเมื่อพบการคุกคามทางไซเบอร์
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ในส่วนของไทยได้แจ้งออสเตรเลียว่า ไทยให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดยได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าออนไลน์และการสร้างความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ อาทิ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนการค้าออนไลน์เพื่อยืนยันความมีตัวตน ตามโครงการ DBD Registered และการรับรองมาตรฐานผู้ประกอบการค้าออนไลน์ผ่านโครงการ DBD verified ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ (NEA) มีโครงการจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจทำการค้าออนไลน์ ส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าสู่ตลาดออนไลน์ทั้งในและระหว่างประเทศ ผ่านเว็บไซต์ www.thaitrade.com และเชื่อมโยงไปสู่ตลาดออนไลน์ของพันธมิตรระดับโลก อาทิ Alibaba eBay และ Amazon เป็นต้น
รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้ 100,000 ราย และเพิ่มมูลค่าการค้าออนไลน์ของไทยจาก 2.8 ล้านล้านบาท ในปี 60 เป็น 5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 2 เท่าตัว ภายในปี 64 ทั้งนี้ไทยและออสเตรเลียเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาการค้าดิจิทัล ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป