นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า จากปัจจุบันที่เริ่มเห็นกระแสการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่ได้มีกฎหมายใดเข้ามารองรับนั้น นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังได้สั่งการให้สศค. ศึกษารายละเอียดเรื่องการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน โดยพิจารณาว่ามีกฎหมายของหน่วยงานใดที่พอจะเกี่ยวข้องกับการดูแลสกุลเงินดิจิทัลได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.เงินตรา, พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน, พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย หรือมีการยกร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลเรื่องการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ก็จะต้องมีการนำเสนอจากกระทรวงการคลัง เพื่อให้คณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป
"ตอนนี้เรากำลังศึกษาว่าในมุมของ ธปท.มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องถ้าจะต้องดูแลเรื่องสกุลเงินดิจิทัล เช่น พ.ร.บ.เงินตรา หรือ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน ที่จะบังคับใช้ 16 เม.ย.นี้ ส่วน ก.ล.ต.ก็มี พ.ร.บ.หลักทรัพย์ แต่ไม่ว่าจะแตะส่วนไหน กระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ต้องนำกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และสนช. ...ไม่ว่าจะต้องแก้ไขกฎหมาย หรือออกกฎหมายขึ้นมาใหม่กระทรวงการคลังจะเป็นเจ้าของเรื่อง" นายพรชัยกล่าว
พร้อมระบุว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายเข้ามากำกับดูแลการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลนั้น กระทรวงการคลังขอเตือนประชาชนที่จะเข้าไปลงทุนว่าควรศึกษารูปแบบการลงทุนให้ละเอียดรอบคอบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์, ผู้ขายผลิตภัณฑ์, ความชัดเจนของแผนธุรกิจว่าเงินที่ได้ลงทุนแล้วจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนใด มีการบันทึกข้อมูลในการลงทุนหรือไม่ ซึ่งเมื่อทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วจึงค่อยใช้วิจารณญานในการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้ไม่เกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต
"สิ่งที่ควรจะต้องรู้ คือใครเป็นผู้ที่ทำสัญญา ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ มีแผนธุรกิจชัดเจนหรือไม่ ใครเป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ เงินที่ลงทุนแล้วไปไหน นำไปใช้ประโยขน์เรื่องใด และสามารถขายการลงทุนได้อย่างไร มี trading data หรือไม่ และมีอะไรมารองรับการค้านี้ เมื่อได้รับคำตอบต้องใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจลงทุน" ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สศค.ระบุ