นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวในงานสัมมนาทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 61 หัวข้อ "เทรนด์ใหม่อสังหาฯ พลิกโฉมเมือง" ว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆในกรุงเทพฯมีการกระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ ตามการขยายตัวของเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าที่มีการลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆมากขึ้น รวมถึงโครงการเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มองว่าจะเป็นการพลิกโฉมการลงทุนและพัฒนาพื้นที่ใหม่ๆในประเทศครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวได้ต่อเนื่องในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกันการขยายความเจริญไปสู่พื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯเริ่มมีมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการพัฒนาโครงการศูนย์การค้าและโครงการที่อยู่อาศัยระดับบน การเชื่อมต่อรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำมาสู่ฝั่งธน และการสร้างทางด่วนใหม่ๆ ทำให้พื้นที่ย่านฝั่งธนมีความเจริญมากขึ้น ส่งผลให้มีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ กันมาก และเริ่มเห็นแนวโน้มราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนปัญหาของสต๊อกเหลือขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ยังเหลือขายอยู่ค่อนข้างมาก โดยในส่วนของ SPALI มีสต๊อกเหลือขายในทำเลดังกล่าวกว่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะต้องใช้เวลาระบายสต๊อกค่อนข้างนาน แม้ว่าผู้ประกอบการจะปรับลดราคาลง และยังมีดีมานด์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาสำคัญมากจากซัพพลายที่มีมากจึงระบายสต๊อกได้ค่อนข้างยาก แม้ปัจจุบันจะมีการเชื่อมรถไฟฟ้าสีม่วงและสายสีน้ำเงินล้วก็ตาม
"ทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงผู้ประกอบการควรใช้การพิจารณาที่รอบคอบก่อนการเข้าลงทุน เพราะมีความเสี่ยงที่สูงในการขายโครงการที่จะสร้างยอดขายได้ไม่ดี"นายไตรเตชะ กล่าว
นายธนาการ ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนในเมืองเริ่มมีการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้การขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมมืการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า และเริ่มมีการขยายเข้าไปในซอยมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทำให้ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยในย่านทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และขนาดของพื้นที่อยู่อาศัยได้ขนาดที่กว้างขึ้นในราคาที่ยอมรับได้