นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงานสัมมนาโครงการบริหารความเสี่ยง FX (อัตราแลกเปลี่ยน) ว่า ผู้ส่งออก SMEs ไทยในปัจจุบันมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากผู้ส่งออก SMEs ไทยไม่มีข้อมูลความรู้เพียงพอที่จะเริ่มต้นหรือขยายการค้าขายไปตลาดต่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในภาวะที่ค่าเงินบาทผันผวน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2560 ถึงต้นปี 2561 เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับ 31.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นับเป็นการแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 4 ปี โดยสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ส่งผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ รายได้ของผู้ส่งออกไทยลดลงเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาท ทำให้ SMEs ไทยที่มีเงินทุนหมุนเวียนและกำไรจากการขายสินค้าในแต่ละล็อตไม่สูงนัก มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหรือกิจการสะดุดลง
EXIM BANK จึงร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย จัดทำโครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ SMEs มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและความรู้ทางการเงินอื่นๆ จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับวงเงินค่าธรรมเนียมมูลค่า 30,000 บาทต่อกิจการ เพื่อนำไปใช้ทดลองซื้อ FX Options กับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ
นายพิศิษฐ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมี SMEs ได้รับวงเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทดลองซื้อ FX Options ภายใต้โครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs แล้วจำนวน 2,037 ราย คิดเป็นวงเงิน 61.11 ล้านบาท หรือประมาณ 41% จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการนี้จำนวนทั้งสิ้น 150 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา SMEs หลายรายลังเลที่จะเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ของ FX Options ต้องการรอดูทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน และเห็นว่ายังมีเวลาตัดสินใจซื้อ FX Options ภายในเดือนมิถุนายน 2561 ก่อนที่โครงการจะสิ้นสุดลง
EXIM BANK จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดสัมมนาโครงการบริหารความเสี่ยง FX (อัตราแลกเปลี่ยน) ของ SMEs ณ EXIM BANK ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และจะจัดอบรมทางออนไลน์ผ่านเทปบันทึกภาพการอบรม ณ EXIM BANK ในพื้นที่ทำการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สาขาของธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ธนาคารทหารไทย (TMB) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารยูโอบี (UOB) สำนักงานภาคของ ธปท. ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) 11 จังหวัด สสว. สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นต้น
"ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก แต่สามารถปิดความเสี่ยงได้ เพื่อไม่ให้ผู้ส่งออกต้องกังวลจนเสียเวลาในการประกอบธุรกิจ ธุรกิจไม่สะดุดหรือขาดทุนเนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การซื้อ FX Options เป็นทางเลือกหนึ่งของการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ภาครัฐต้องการให้ผู้ส่งออกไทยได้รู้จักและทดลองใช้ เพื่อเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นความแน่นอนของรายรับหรือกำไรจากการส่งออกสินค้าล็อตนั้นๆ" นายพิศิษฐ์กล่าว