น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การเดินทางไปเยือนอินเดีย พร้อมบริษัทเอกชนชั้นนำของไทย ได้แก่ บจก. CP Wholesale, บจก. CP Agro, SCG Trading, บมจ.ดับเบิ้ลเอ (1991), บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ (ITD), บจม.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC), บจก.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) รวมทั้งผู้แทน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมงาน UP Investors Summit 2018 ที่เมืองเมืองลัคเนาว์ รัฐอุตตรประเทศ และงาน Partnership Summit 2018 ที่เมืองวิสาขปัทนัม รัฐอานธรประเทศ ตามคำเชิญของมุขมนตรีทั้งสองรัฐ
งานดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คน จากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมอริเซียส (H.E. Mr.Anerood Jugnauth) รัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ อาทิ เมียนมา เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเอกอัครราชทูตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเช็ก
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การเยือนอินเดียครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าอินเดียมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะรัฐอุตตรประเทศและรัฐอานธรประเทศ การจัดงาน UP Investors Summit 2018 ครั้งนี้ รัฐอุตตรประเทศตั้งเป้าเป็นจุดหมายการลงทุนสำหรับนักลงทุนชาวอินเดียและชาวต่างประเทศ โดยรัฐอุตตรประเทศเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในอินเดียกว่า 220 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย ถือเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของอินเดีย อาทิ ข้าว อ้อย และมันฝรั่ง และยังตั้งอยู่บนจุดตัดของระเบียงอุตสาหกรรมเดลี-มุมไบ และระเบียงอุตสาหกรรมอมาริสา-กัลกัตต้า ตลอดจนมีนโยบายเปิดรับการลงทุนที่ทันสมัย เหมาะสำหรับการเป็นตลาดใหม่ของสินค้าและบริการของไทย และเป็นแหล่งการลงทุนแห่งใหม่ของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในสาขาเกษตรและการแปรรูปอาหาร สิ่งทอ ภาพยนตร์ พลังงานทดแทน การท่องเที่ยว MSME อุตสาหกรรมนม และอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนการเข้าร่วมงาน Partnership Summit 2018 ที่รัฐอานธรประเทศ ทำให้เอกชนไทยเข้าใจแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเฉพาะรัฐอานธรประเทศ รัฐที่มี ease of doing business อันดับ 1 ของอินเดีย เป็นรัฐที่ส่งเสริมการลงทุนด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การแปรรูปสินค้าเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา โดยตั้งเป้าเป็น 1 ใน 3 รัฐที่มีการพัฒนามากที่สุดในอินเดีย ภายในปี 2022 ขณะนี้ รัฐอานธรประเทศอยู่ระหว่างพัฒนาเมืองหลวงใหม่ คือ เมืองอมาราวตี เมืองอัจฉริยะแห่งแรกของอินเดีย โดยมีเป้าหมายให้อมารวตีเป็น 1 ใน 5 เมืองที่มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดในโลก แวดล้อมไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงเป็นโอกาสสำหรับเอกชนด้านบริการก่อสร้าง ปัจจุบันรัฐอานธรประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย มีความพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ด้วยความเชื่อมโยงทางทะเลผ่านท่าเรือวิสาขปัทนัม ทางถนนผ่านระเบียงอุตสาหกรรมวิสาขปัทนัม-เจนไน และระเบียงอุตสาหกรรมเจนไน-บังกาลอร์ ตลอดจนการพัฒนาท่าอากาศยานอีก 4 แห่ง และการพัฒนาเส้นทางขนส่งทางน้ำในประเทศอีก 888 กิโลเมตร โดยประธานท่าเรือวิสาขปัทนัมสนใจที่จะร่วมมือกับท่าเรือระนองเพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ร่วมกัน
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การเดินทางเยือนอินเดียครั้งนี้ได้ถือโอกาสสำรวจลู่ทางด้านการค้าการลงทุน ณ เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังกาน่า ซึ่งเป็นรัฐใหม่ล่าสุดของอินเดียแต่เปี่ยมไปด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ความเชื่อมโยงทุกมิติทั้งทางถนน ทางราง และทางทะเล ตลอดจนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ จนได้รับการขนานนามว่า สิงคโปร์แห่งอินเดีย โดยมีเมืองหลวงสำคัญอย่าง ไฮเดอราบัด หรือมีอีกชื่อว่า Cyberabad ศูนย์กลางอุตสาหกรรม IT และการให้บริการเกี่ยวกับไอที (ITeS) ของอินเดีย ไฮเดอราบัดยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม Health Care และยาของอินเดียและของโลก จนกล่าวได้ว่า 1 ใน 3 ของวัคซีนในโลกผลิตขึ้นที่ไฮเดอราบัด โดยปัจจุบันรัฐเตลังกาน่าได้จัดตั้งและออกแบบ Genome Valley เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยาและ Health Care ทำให้รัฐนี้เหมาะที่จะเป็นฐานการวิจัยและพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย เนื่องจากมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ได้นำคณะภาคเอกชนร่วมพบหารือและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับภาคเอกชนรายใหญ่ของรัฐทมิฬนาฑู รัฐที่ได้รับการขนานนามว่า Detroit of India
การเดินทางครั้งนี้ คณะภาคเอกชนไทยได้ "มองอินเดียใหม่" ตามแบบฉบับ "New India" โดยเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้นักธุรกิจไทยในวงกว้างเห็นและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอินเดียในฐานะประเทศที่กำลังก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ ไทยต้องไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดียและเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน (Partnership) ไปพร้อมกับอินเดีย ดังเช่นประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ เวียดนาม และเนเธอร์แลนด์ ที่ปัจจุบันเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอินเดีย