รมช.พาณิชย์ เผยนักธุรกิจอียูส่วนใหญ่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมลงทุนเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 5, 2018 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงผลประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า (นางซิซีเลีย มาล์มสตรอร์ม) ครั้งที่ 16 ว่า อาเซียนและอียูให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาคและได้ติดตามความคืบหน้าการมอบหมายให้คณะทำงานร่วมอาเซียน-อียูระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ไปจัดทำกรอบความคาดหวังการรื้อฟื้นการเจรจา FTA อาเซียน-อียู ที่หยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งปัจจุบันทั้งสองฝ่ายตั้งความคาดหวังจากการเจรจาไว้ต่างกันอยู่และมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจระหว่างกัน จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานร่วมอาเซียน-อียู หารือกันต่อไปเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้และจัดทำกรอบความคาดหวังการรื้อฟื้น FTA โดยให้รายงานผลต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับกรรมาธิการยุโรปด้านการค้าครั้งต่อไปที่กำหนดจัดขึ้นในปี 2562

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการด้านการค้าและการลงทุนที่อียูสนับสนุนด้านการเงินและวิชาการ เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของอาเซียนในช่วงปี 2560-2561 เช่น การจัดทำระบบข้อมูลสถิติเพื่อติดตามพัฒนาการของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน การจัดทำระบบออนไลน์เพื่อให้นักธุรกิจใช้เป็นช่องทางแจ้งปัญหามาตรการทางการค้าของอาเซียน เป็นต้น ซึ่งคืบหน้าด้วยดีและเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและอียูได้พบกับสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) ซึ่งมีสมาชิกประกอบด้วยสภาหอการค้าของยุโรปที่ทำธุรกิจในอาเซียนและบริษัทยุโรปกว่า 17,000 บริษัท โดยภาคเอกชนได้นำเสนอผลการสำรวจความเห็นนักธุรกิจยุโรปกว่า 300 บริษัทที่ประกอบธุรกิจในอาเซียน ซึ่งพบว่า 86% มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีข้างหน้า และ 94% มั่นใจที่จะขยายธุรกิจและเพิ่มการลงทุนในอาเซียนต่อไป นอกจากนี้ 94% ของผู้ตอบแบบสำรวจสนับสนุนให้อาเซียน-อียู กลับมาเจรจา FTA กันต่อโดยเร็ว โดย EU-ABC มีข้อเสนอแนะให้อาเซียน 3 เรื่อง คือ 1) ผลักดันการดำเนินงานด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าต่อไป เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) และช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ 2) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางด้านกายภาพและด้านการเงิน และ 3) พัฒนากำลังแรงงานจากการใช้แรง "workforce" สู่การใช้ความคิดสร้างสรรค์ "thinkforce" เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันอียูเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในอาเซียน โดยในปี 2559 มีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในอาเซียนประมาณ 26.3 พันล้านเหรียญยูโร และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของอาเซียน โดยมีมูลค่าการค้าสองฝ่าย 226.8พันล้านเหรียญยูโร ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 9.1% จากปี 2559 ขณะที่อาเซียนเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับ 3 ของอียู


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ