นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังรอความชัดเจนจากศาลปกครองสูงสุด ภายหลังจากสหภาพแรงงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ได้ยื่นอุทธรณ์ให้ยุติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) ซึ่งส่งผลกระทบทำให้การขายหน่วยลงทุนล่าช้าจากแผนที่คาดการณ์ไว้
แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบกับแผนการใช้เงินเพื่อลงทุนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในโครงการก่อสร้างทางพิเศษ พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก วงเงินลงทุน 3.04 หมื่นล้านบาท และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E-W corridor ด้านตะวันออก วงเงินลงทุน 1.43 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน เนื่องจากได้มีการพิจารณาแผนรองรับกรณีการขายหน่วยลงทุนของไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ล่าช้าไว้แล้ว โดยเบื้องต้นจะให้มีการกู้เงินเพื่อมาลงทุนในโครงการก่อสร้างดังกล่าวก่อน และเมื่อสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ก็ให้นำเงินมาใช้คืนในส่วนนั้น ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะตามแผนการลงทุนของ กทพ. จะเริ่มใช้เงินในเดือน ส.ค.61
"เราประเมินเรื่องนี้เป็น 2 กรณี กรณีแรกหากศาลปกครองสูงสุดมีการพิจารณาทั้งหมดจบภายในเดือน มี.ค.-เม.ย. นี้ ก็ยังมีเวลาที่จะยื่นไฟลิ่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา และเดินหน้าขายหน่วยลงทุนได้ตามแผน อีกกรณีถ้าการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีข้อสรุป ก็จะให้มีการกู้เงินใช้ไปพลางก่อน" นายเอกนิติ กล่าว