พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้มอบแนวทางขับเคลื่อนประเทศ ทั้งที่เป็นส่วนราชการ ภาคธุรกิจ ประชาชน ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านการบูรณาการการทำงานและมีการเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน และต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีการกำหนด Roadmap ที่ชัดเจนในแต่ละขั้น ซึ่งการใช้ดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือที่ดีในการตรวจสอบและสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการที่รวดเร็ว อำนวยความสะดวก และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และภาคส่วนต่าง ๆ มากขึ้น
พร้อมทั้งเห็นชอบในหลักการของแนวทางการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลทั้ง 4 แนวทาง ได้แก่ 1) แนวทางด้านการบริการประชาชนด้วยดิจิทัล 2) แนวทางด้านการบริหารราชการแผ่นดินด้วยดิจิทัล 3) แนวทางด้านการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างมีคุณภาพ 4) แนวทางด้านความมั่นคงปลอดภัยในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลภาครัฐ โดยมาตรการเร่งด่วนที่ดำเนินการได้ทันทีและจะเห็นผลใน 3 เดือน จะมีระบบที่สามารถวิเคราะห์และแสดงความสัมพันธ์และความซ้ำซ้อนของนโยบายต่าง ๆ และใน 6 เดือน ภาครัฐจะเลิกเรียกสำเนาเอกสารจากประชาชนเมื่อต้องมีการติดต่อหน่วยงานรัฐ เพื่อลดภาระประชาชน อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ใน 1 ปี จะมีระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กรภาครัฐให้มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งประเทศ และมีมาตรฐานการเชื่อมโยงเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐกับภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงปลอดภัยทั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ได้แก่ 1.อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริการประชาชน เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนด้วยดิจิทัล เพื่อให้เกิดเป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) 2.อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กรภาครัฐ 3.อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลที่ใช้ในการวางแผนและตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบายประเทศ รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานทุกระดับและทุกมิติ และ 4.อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านความมั่นคงปลอดภัยในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลภาครัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลภาครัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัย
ทั้งนี้ คณะกรรมการแต่ละชุดจะเป็นรูปแบบของการทำงานอย่างรวดเร็ว และได้รับผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากแต่ละกระทรวงมีการทำงานบริหารเป็นของตนเอง ขอให้คณะกรรมการชุดนี้ เป็นคณะกรรมการกลางในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลที่ไม่ใช่ชั้นความลับ หรือข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งจำแนกรูปแบบการทำงานที่สร้างความโปร่งใสอย่างแท้จริง โดยให้มีการศึกษารูปแบบและแนวทางจากต่างประเทศประกอบด้วย โดยให้คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ลดภาระทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและระยะเวลาของประชาชนด้วยระบบดิจิทัลเป็นหลัก และให้มีช่องทางการสื่อสาร การเชื่อมต่อให้ประชาชนและสาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลดิจิทัลเป็นการขับเคลื่อนเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน การเป็นรัฐบาลดิจิทัลจึงเป็นเรื่องสำคัญ หน่วยราชการต้องรู้จักการเอาเทคโนโลยีดิจิทัลไปบริการประชาชน นายกรัฐมนตรีอยากเห็นการลดใช้เอกสาร ลดขั้นตอนการติดต่อกับหน่วยราชการ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแต่ต้องทำให้ประชาชนรู้ได้ว่ามีบริการหรือเทคโนโลยีอะไรที่เขาใช้ได้
รัฐบาลมีโครงการใหญ่เรื่อง Big Data เมื่อโครงการนี้เกิดจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าข้อมูลทุกหน่วยงานเชื่อมโยงกันได้จะเกิดประโยชน์ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้เสนอที่จะตั้งสำนักงานบริหารบิ๊กดาต้าแห่งชาติ
"รัฐบาลใหม่อาจจะเลิกไทยแลนด์ 4.0 แต่เลิกที่จะทำรัฐบาลดิจิทัลไม่ได้ แนวทางหลักคือ เอาเทคโนโลยีมาใช้ , ทำงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงและแชร์ทรัพยากรซึ่งกันและกัน มี Open Government หรือการสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม"