พ.อ.นที สุกลรัตน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.ได้หารือกันเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดที่พิพากษาให้ "ไทยทีวี" สามารถบอกเลิกการให้บริการทีวีดิจิทัลได้ หลัง กสทช.ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาในการขยายโครงข่ายและการส่งเสริมกิจการทีวีดิจิทัลตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนผู้ประกอบการ พร้อมสั่งให้ กสทช.คืนเงินค้ำประกันที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ออกไว้ให้เป็นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 3 และงวดถัดไป รวมจำนวน 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ กสทช.จะอุทธรณ์ใน 3 ประเด็น คือ กรณีที่ศาลวินิจฉัยว่า กสทช.ออกใบอนุญาตในลักษณะให้เอกชน"เข้าร่วมการงาน"กับรัฐเพื่อให้บริการโทรทัศน์ ซึ่งการร่วมการงาน หมายถึงระบบสัญญาสัมปทาน ขณะที่ กสทช. ตั้งขึ้นแพื่อเปลี่ยนผ่านระบบสัญญาสัมปทานให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบใบอนุญาต ดังนั้น ในส่วนนี้จึงน่าจะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของการตั้ง กสทช.
ส่วนในประเด็นที่ว่า กสทช.ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาในการขยายโครงข่ายการให้บริการ ประเด็นนี้มีข้อเท็จจริงที่มีการกำหนดว่าการขยายโครงข่ายในแต่ละช่วงเวลาจะดำเนินการให้มีความครอบคลุมอย่างไร การขยายโครงข่ายได้เป็นไปตามกำหนด ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการทุกรายคงล้มเหลวในการให้บริการทั้งหมด
และในส่วนที่กรมประชาสัมพันธ์ติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายล่าช้า ซึ่งได้มีการลงโทษทางปกครองไปแล้ว และ กสทช.ได้ดำเนินการแจกคูปองแลกกล่องทีวีดิจิทัลจนครบทั้งหมดแล้ว
" เราไม่ได้มีความกังวลถ้าช่องอื่นจะดำเนินการอะไร กสทช.ตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายผลคดีจะเป็นอย่างไร เราแค่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน เพราะดูเป็นการขัดต่อหลักการสากล แต่ขอให้คดีถึงที่สุดก่อน"พ.อ.นที กล่าว
ส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการการทีวีดิจิทัลเพื่อลดภาระนั้น เป็นการช่วยอุตสาหกรรมโดยรวม ไม่ได้มีการแบ่งแยกว่าใครได้กำไรหรือขาดทุน แต่ทำเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์