นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แถลงภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหาร สสว.ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม SME ของประเทศ ควบคู่กับการเชื่อมโยงดูแลเศรษฐกิจฐานราก โดยมอบหมายให้ สสว. เป็นหน่วยงานกำหนดยุทธศาสตร์ และเป็นศูนย์กลางประสานเชื่อมต่องานส่งเสริม SME ของประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
โดยนโยบายสำคัญที่มอบหมายให้ สสว. เร่งดำเนินการคือ การจัดทำฐานข้อมูลสำหรับ SME (Big Data) เพื่อเป็นศูนย์กลางฐานข้อมูล SME แห่งชาติที่สามารถสะท้อนตัวตน รองรับการแนวทางการส่งเสริมที่ต่อเนื่องและสอดคล้องอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกัน สสว. จะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งต่อให้ SME สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดย สสว. จะเป็นหน่วยงานกลางในการบริหารจัดการฐานข้อมูล SME แบบเบ็ดเสร็จ
สสว. ในฐานะเจ้าภาพปีที่ 3 การจัดทำงบประมาณบูรณาการด้านการส่งเสริม SME ของประเทศร่วมกับ 25 หน่วยงาน ภายใต้วงเงิน 3,810.41 ล้านบาท จึงมอบหมายให้ทำหน้าที่ประสาน กำกับ และติดตามการดำเนินงานภายใต้แผนดังกล่าว ให้มีความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ คือ เน้นปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจสู่ SME 4.0 โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการเสริมศักยภาพ สื่อสารด้านการตลาด วางระบบการพัฒนาเครือข่ายร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างสังคมผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง รวมถึงเชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนในภาคการค้าและบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลจะใช้เป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดรับกับตัวเลข GDP ของ SME ปี 2560 ที่ขยายตัวได้ถึง 5.1% และเติบโตสูงสุดในภาคการท่องเที่ยว
"รัฐบาลมีนโยบายต้องการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยพิจารณาจากพื้นที่ ผลผลิต และความร่วมมือของชุมชน เพื่อผลักดันให้เมืองรองมีการเติบโต โดยจะคัดเลือกจังหวัดที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพื่อค้นหาสาเหตุ ศึกษาปัญหา และวางแนวทางนำไปสู่การพัฒนา โดยหยิบยกศักยภาพในแต่ละพื้นที่ใช้เป็นเครื่องมือในการปลดล็อค และสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม" นายกอบศักดิ์กล่าว
พร้อมระบุว่า ผลจากการลงพื้นที่ จึงต่อยอดเป็น "โครงการปั้นดาว" โดยผลักดันให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บูรณาการทำงานร่วมกันตามบทบาทหน้าที่เพื่อส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย วิสาหกิจชุมชนให้มีศักยภาพ พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ ถือเป็นการทำงานตามแนวพระราชดำริ
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการ สสว. เปิดเผยว่า ในปี 2561 สสว. วางแนวทางในการส่งเสริม SME ที่ตอบโจทย์นโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ใน 4 แนวทางคือ 1.ปรับรูปแบบธุรกิจสู่ SME 4.0 (Transformation to SME 4.0) 2.การพัฒนาผู้ประกอบการฐานราก (Community Based Area Based) 3.การยกระดับธุรกิจสู่การค้าออนไลน์ (Business shift up to E-Market place) และ 4.การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data for SME) โดยคาดว่าการดำเนินงานตามแผนบูรณาการส่งเสริม SME ในปีนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการ 331,315 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้ 90,000 ล้านบาท
"จากการที่ สสว. ได้ติดตามคณะรัฐบาลลงพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ จึงได้รับมอบหมายจาก รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนโครงการปั้นดาว เนื่องจาก สสว. มีโครงการต่าง ๆ ที่สามารถเติมเต็มศักยภาพและรองรับความต้องการของผู้ประกอบการแบบครบวงจร อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การตลาด ฯลฯ นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนตามวงจรธุรกิจ โดยมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีบทบาทภารกิจเฉพาะด้าน เช่น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมให้การส่งเสริมตามภารกิจต่อไป" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ นายกอบศักดิ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สสว. มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่พบผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์ในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ โดยจังหวัดกาฬสินธุ์มีสัดส่วนคนจนมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประชากรมีรายได้ต่อหัวเป็นลำดับที่ 75 ของประเทศ รัฐบาลตั้งเป้าส่งเสริมให้จังหวัดกาฬสินธุ์ขยับจากลำดับที่ 75 ขึ้นมาเป็นลำดับที่ 45-50 ของประเทศ พร้อมสร้างกาฬสินธุ์โมเดลเพื่อยกเป็นต้นแบบจังหวัดนำร่องและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่จังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย อาทิ จังหวัดน่าน บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และหนองบัวลำภู เป็นต้น คาดว่าภายในปี 2561 จะสามารถดำเนินโครงการปั้นดาวได้ไม่น้อยกว่า 10 จังหวัด