น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ปรับปรุงระบบเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการยื่นใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้ทันที แทนการสมัครเข้าจ่ายตรง (สแกนนิ้ว) กับสถานพยาบาลของทางราชการแต่ละแห่งและต้องรอผลการอนุมัติอีก 15 วัน โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2561 ณ สถานพยาบาลของทางราชการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,104 แห่ง และสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์กลุ่มโรคเฉพาะ ได้แก่ การฟอกไต และรังสีรักษาสำหรับโรคมะเร็ง รวมจำนวน 213 แห่ง
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า กรมบัญชีกลางได้เวียนแจ้งแนวปฏิบัติการเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกแล้ว ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0416.4/ว 143 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2561 พร้อมกันนี้ กรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้หมอคลังอุ่นใจ ซึ่งเป็นบุคลากรของกรมที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว นายทะเบียนของส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลของทางราชการและเอกชน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป รวมทั้งเพิ่มช่องทางการให้ความรู้กับทุกภาคส่วน โดยจะเปิดให้แจ้งความประสงค์ในการเชิญวิทยากรไปให้ความรู้ภายในหน่วยงานแต่ละแห่งได้อีกด้วย
สำหรับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ขอให้ตรวจสอบสิทธิของตนเอง โดยเข้าเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง ที่ www.cgd.go.th หัวข้อ ตรวจสอบสิทธิ ทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วพบว่า "ไม่มีสิทธิ" ให้รีบติดต่อนายทะเบียนที่สังกัดโดยเร็ว เพื่อปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องเพื่อสิทธิประโยชน์ของตนเองในการใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป
อธิบดีกรมบัญชีกลาง ย้ำว่า การใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล ประเภทผู้ป่วยนอก เป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการแสดงตนในการใช้สิทธิเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกในการใช้สิทธิเข้ารับการรักษาได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล และที่สำคัญไม่กระทบสิทธิการเบิกค่ารักษาที่เคยได้รับ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนได้ตามกฎหมายก็สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้เช่นกัน