บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ประกาศวิสัยทัศน์ "Smart Value For All" พร้อมวางแผนช่วงปี 61-64 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการระดับคุณภาพ ขณะเดียวกันยังคงมุ่งมั่นเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์คาลเท็กซ์ครบวงจร โดยจะขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องปีละ 50 แห่ง ตลอด 4 ปี ด้วยงบลงทุนราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้ามีสถานีบริการในเครือข่ายไม่น้อยกว่า 575 แห่งทั่วประเทศในปี 64 มุ่งเน้นทำเลคุณภาพ บนเส้นทางสายหลักต่าง ๆ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ นอกจากนั้น ยังอยู่ระหว่างสรุปแบบของสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์รูปโฉมใหม่
นายชาลมาน ซาดัต ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจะเปิดให้บริการสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะถือเป็น Flagship แห่งแรกในช่วงไตรมาส 4/61 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ บนถนนสายหลัก และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ตามมาตรฐานของคาลเท็กซ์ ซึ่งในปีแรกอาจจะยังไม่สามารถเปิดครบได้ 50 แห่ง แต่หลังจากนั้นจะเปิดสถานีบริการโฉมใหม่อย่างน้อยปีละ 50 แห่งขึ้นไปตามแผนกลยุทธ์ "Smart Value For All" ซึ่งแผนระยะกลางช่วง 3-4 ปีนี้
"เราจะใช้เงินลงทุนตามแผนนี้รวม 200 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการขยายปั๊ม 200 แห่ง...คาลเท็กซ์ เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นแบรนด์ในตำนาน การที่เราขยายปั๊มตามแผนกลยุทธ์ครั้งนี้ เพราะมองว่าตลาดน้ำมันในไทยมีการเติบโตเรื่อย ๆ และการใช้รถก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากแผนนี้เราก็คาดหวังจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ่น และปริมาณขายน้ำมันโตเกิน 10%"นายชาลมาน กล่าว
นายชาลมาน กล่าวว่า ปัจจุบันคาลเท็กซ์มีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 370 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของผู้ประกอบการเป็นเจ้าของและบริหารงานเอง (Retailer Owned Retailer Operated : RORO) ซึ่งการขยายสถานีบริการในรูปโฉมใหม่นี้ก็จะยังมุ่งเน้นในลักษณะของ RORO เช่นเดิม ขณะเดียวกันตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าวก็จะมีการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบเดิมให้สอดคล้องกับโฉมใหม่ครั้งนี้ด้วย แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งและขนาดพื้นที่ในแต่ละแห่งด้วย
แผนกลุยทธ์ครั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการระดับคุณภาพ รวมถึงมุ่งขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันที่ครบวงจร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและพันธมิตรในประเทศด้วย โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ Smart Station , Smart Services , Smart Platform , Smart Partnership และ Smart Products
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการสรุปรูปแบบของสถานีบริการรูปโฉมใหม่ โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า รวมทั้งขนาด และทำเลที่ตั้งในการออกแบบ ซึ่งจะสะท้อนความสะดวก ผ่อนคลาย ทันสมัย สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเตรียมพื้นที่สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะมีจำนวนมากขึ้นในอนาคตด้วย
รวมถึงบริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (non-oil) มากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีบริการให้ครบวงจร และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกของสถานีบริการ เพื่อขยายบริการและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่าการเติมน้ำมันเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์ เป็นระดับ 30-50% ในช่วง 4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้นอนออยล์ 20% และที่เหลือ 80% มาจากธุรกิจน้ำมัน
ปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรค้าปลีก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์บริการเปลี่ยนยาง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ศูนย์ซ่อมเบา ล้างรถ ฯลฯ นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีกอื่น ๆ จากปัจจุบันร้านค้าสะดวกซื้อ มีความร่วมมืออยู่กับร้านมินิ บิ๊กซี ,แฟมิลี่ มาร์ท และ ลอว์สัน 108 ซึ่งปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตรเหล่านี้ เพื่อหาโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวร่วมกัน โดยคาดว่าอาจจะได้เห็นภาพชัดเจนภายในปลายปีนี้
นอจากนี้ บริษัทยังมีแผนทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร (Co-Promotion) รายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ TRUE และ The 1 Card เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ดึงดูดใจให้กับลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายน้ำมันให้กับสถานีบริการน้ำมันได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายชุตินธร ปักเข็ม ผู้จัดการฝ่ายโครงการพิเศษ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคาลเท็กซ์ มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันราว 7-8% ซึ่งจากการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ครั้งนี้ ก็คาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในอนาคต