คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรคมนาคม เชิญตัวแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), ธนาคารพาณิชย์, ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ มารับฟังความคิดเห็น(ร่าง) ประกาศ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องการลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญเพื่อให้การลงทะเบียนโทรศัพท์ที่เรียกเก็บเงินล่วงหน้า มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเทคโนโลยีในตลาดโทรคมนาคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงให้มีการปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลให้เหมาะสมยิ่งขึ้นจึงให้มีการเพิ่มขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลให้มีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการแอบอ้างใช้บัตรประชาชนผู้อื่นไปเปิดใช้งานซิมการ์ดและปลอมแปลงการลงทะเบียนซิม ทำให้ผู้ให้บริการสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ช่วยหน่วยงานภาครัฐในการรักษาความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและประโยชน์สาธารณะ ส่งเสริมการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ปัญหาที่เกิดจากจุดให้บริการมีมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มมากขึ้น การกำกับดูแลจุดให้บริการมิได้อยู่ภายใต้อำนาจการกำกับดูแลของ กสทช. โดยตรง แต่อยู่ภายใต้การให้บริการในฐานะผู้กระจายสินค้าข้อมูลที่ปรากฏต่อผู้ให้บริการจึงมีแต่ข้อมูลของจุดที่ให้บริการไม่ปรากฏข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ซื้อซิมการ์ดไปจากจุดให้บริการ กสทช. มีเจตนารมณ์เพื่อจัดเก็บและบริหารข้อมูลผู้ใช้บริการที่สามารถตรวจสอบได้และมีความถูกต้องตามความเป็นจริงอันจะเป็นประโยชน์ต่อทุกหน่วยงานหากเกิดความเสียหายต่อประชาชน และกำหนดหน้าที่ผู้ให้บริการต้องบริหารจัดการและกำกับดูแลการดำเนินงานของจุดให้บริการ ในการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำระบบให้มีการเข้าถึงและเชื่อมต่อฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ
โดยกสทช. ขอให้ผู้ที่ได้รับเชิญมารับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ทำความเห็นเสนอกลับมายังกสทช. ภายในวันที่ 23 มี.ค. ก่อนจะปรับแก้ร่างประกาศเพื่อเสนอที่ประชุมกรรมการ กสทช. เพื่อให้บังคับใช้ได้ภายในเดือนพ.ค.นี้
นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิจัยด้านโทรคมนาคม ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวเป็นความพยายามจัดระเบียบการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรองรับการทำธุรกรรม เนื่องจากระเบียบเดิมยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาะจุดลงทะเบียนที่ร้านตัวแทนจำหน่าย กสทช. ต้องการจัดระเบียบขั้นตอนการลงทะเบียนซิมทั้งหมด ตั้งแต่คนกระจายซิม ตัวแทนจำหน่าย เพื่อแก้ปัญหาถือครองซิมที่ไม่ตรงกับผู้จดทะเบียน
นายสืบศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากร่างประกาศฯ มีผลตามที่รับฟังความคิดเห็น ย่อมมีผลกระทบกับการทำธุรกิจของผู้ให้บริการ ขั้นตอนการกระจายซิม และตัวแทนจำหน่ายอาจจะหายไป สุดท้ายการหาซิมใช้อาจจะกลายเป็นเรื่องยาก ทั้งหมดยังไม่รวมการเอามาใช้กับการขายซิมออนไลน์ หรือการขายซิมผ่านตู้อัตโนมัติ ส่วนนิติบุคคลที่ลงทะเบียนแทนพนักงานใช้จะต้องบันทึกข้อมูลคนถือซิม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต้องแจ้งในระบบถ้าผู้ครอบครองซิมเปลี่ยนผู้ใช้ส่วนนี้มีอยู่เป็นล้านราย และบทเฉพาะกาลของประกาศระบุให้ทำภายใน 180 วันลำพังโอเปอเรเตอร์ซึ่งเชื่อมระบบกับกสทช. คงไม่มีปัญหา แต่ร้านตู้อาจจะเชื่อมระบบไม่ทัน แต่โอเปอเรเตอร์ต้องรับผิดชอบการความผิด โดยสรุปคือการลงทะเบียนให้ครบเป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้าขั้นตอนหนาแน่นเกินไปจะทำได้ลำบาก
โดยทางออกที่เหมาะสม กสทช. ควรสร้างระบบการลงทะเบียนที่มีความยืดหยุ่น ที่ไม่แน่นหนาเกินไปแต่มีระบบตรวจสอบไม่ให้เกิดช่องว่างในการลงทะเบียนซิมที่ผิดกฏหมายหรือแอบอ้างการลงทะเบียน ถ้ามีระบบตรวจสอบและยืนยันตัวตนดีจะป้องกันปัญหาการลงทะเบียนซิมที่เจอปัญหาอยู่ได้น่าจะเพียงพอ วิธีควบคุมที่แน่นหนาเกินไปจะทำให้ยุ่งยากในทางปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติไม่ได้จะเกิดความลำบาก
ด้านนายนฤพนธ์ รัตนสมาหาร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานรัฐกิจสัมพันธ์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวว่า ดีแทคเข้าใจในเหตุผลของการดูแลเรื่องความปลอดภัย แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือการนำประกาศมาใช้จะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ทั้งการให้ตัวแทนจำหน่ายหรือลูกตู้ที่มีกว่า 50,000 รายต้องเก็บข้อมูลและเชื่อฐานข้อมูลกับกสทช. ภายใน 180 วัน, การบังคับผู้ครอบครองซิมของนิติบุคคลต้องยืนยันตัวตนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการที่ผู้ให้บริการต้องรับตัวแทนจำหน่ายที่เก็บข้อมูลผิดพลาด