นายสาวิตต์ แก้วหวาน เลขาธิการ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นำตัวแทนสมาชิกการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) บมจ. กสท โทรคมนาคม และบมจ. ทีโอที เดินทางด้วยรถบัส จำนวนกว่า 10 คัน มายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการตั้ง 2 บริษัทลูก คือ บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (NGDC Co.) และ บริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายสาวิตต์ กล่าวว่า การแปรรูปคือการทุจริตเชิงนโยบาย ทุกวันนี้กลุ่มทุน อยู่ทั้งบนดิน ใต้ดิน เต็มไปหมด ถ้าหยุดตั้งบริษัทลูกไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ทีโอทีและ กสท โทรคมนาคม ลำบาก 2 องค์กรนี้ต้องเริ่มต่อสู้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นไม่ให้รัฐวิสาหกิจอื่นๆถูกแปรรูปตามมา ไม่ว่าจะเป็นยุคนักการเมืองจากการเลือกตั้ง หรือ มาจากอำนาจพิเศษ ล้วนแต่โกงทั้งสิ้น
"การตั้ง บ.ลูก มันคือ การแปรรูป การทำแบบนี้ ไม่ดี เราบอกนายกฯหลายรอบ เพราะท่านบอกว่ามีอะไรให้บอก แล้วท่านก็ยังเดินหน้าต่อ ...การไปทำเนียบฯครั้งนี้จึงไม่ใช่ขับไล่รัฐบาล แต่เราต้องการปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมือง"
นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า การที่ สรส.มาร่วมคัดค้านด้วย แสดงให้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่และหยุดไม่ได้ เพราะว่าวันที่ 1 เม.ย. ทั้ง 2 บริษัทลูกจะดำเนินการจริง ซึ่งหากนายกฯ ไม่ฟัง ได้วางแผนร่วมกับ สรส.แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ
ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า การทุจริตเชิงนโยบายคือการทุจริตที่รุนแรงที่สุด การโอนถ่ายทรัพย์สิน มีอยู่ตลอดเวลา
"จริงๆ เรื่องนี้ไม่ควรทำในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แทนที่รัฐบาลจะช่วยรัฐวิสาหกิจ แต่กลับออกม.44 ช่วย ทรู และ เอไอเอส ในการขยายงวดชำระประมูลคลื่น แต่กลับไม่ช่วยรัฐวิสาหกิจ ถ้าเขาเอาทรัพย์สินไปปั่นหุ้นในตลาด ใครจะรับผิดชอบ เพราะเขาเอาสิ่งที่ดีที่สุดเอาไปให้เอกชนแล้ว "นางรสนา กล่าว