พาณิชย์ เตรียมความพร้อมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม-โคเนื้อ และปลูกกาแฟ รับมือ FTA ไทย-ออสเตรเลีย/ไทย-นิวซีแลนด์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 28, 2018 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ มีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยดึงศักยภาพของท้องถิ่นเพื่อสร้างโอกาสและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืนนั้น ในช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกรมปศุสัตว์ และกรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในสินค้าเกษตรสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ กาแฟ โคเนื้อ และโคนม เพื่อรับมือการค้าเสรีและใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาดของคู่ค้าเพื่อส่งออก โดยกาแฟลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายและชุมพร โคเนื้อลงพื้นที่จังหวัดนครพนม และโคนมลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ สระบุรี และกาญจนบุรี ผลการลงพื้นที่พบว่าเกษตรกรเห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือการค้าเสรี

เนื่องจากภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ไทยมีกำหนดต้องเปิดตลาดโดยลดภาษีเหลือ 0% ในสินค้ากาแฟ ในวันที่ 1 มกราคม 2563 หางนมเวย์ เนย ไขมันเนย เนยแข็ง และโคเนื้อ ในวันที่ 1 มกราคม 2564 และในสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่งและนมผงขาดมันเนย ในวันที่ 1 มกราคม 2568

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ใช้บังคับในปี 2548 สินค้าของส่วนใหญ่ของไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ได้ลดภาษีลงเหลือ 0% แล้ว แต่ยังเหลือสินค้ากาแฟ โคนม เนื้อวัวและผลิตภัณฑ์ที่ไทยยังมีการกำหนดโควตาภาษีและเพดานการนำเข้าอยู่ โดยจะต้องยกเลิกใน 3-8 ปี ข้างหน้า เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในสินค้าดังกล่าวมีการเตรียมปรับตัวรองรับการเปิดเสรีที่จะเกิดขึ้นอย่างไร รวมถึงโครงการสนับสนุนส่งเสริมของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมของเกษตรกร ทั้งในส่วนกองทุน FTA ของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า เกษตรกรไทยเห็นความสำคัญของการพัฒนาและรักษาคุณภาพสินค้าและกระบวนการผลิต การคัดเลือกสายพันธุ์โคเนื้อโคนมที่มีคุณภาพ การคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต รวมถึงการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูปมากขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในสินค้ากาแฟและโคเนื้อ เพื่อรักษาชื่อเสียง ภูมิปัญญา ตลอดจนยกระดับราคาสินค้า รวมทั้งพบว่าเกษตรกรมีการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชนกันมากขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและหันมาดำเนินการแปรรูปผลิตภัณฑ์และทำตลาดเอง เป็นทั้งผู้ผลิตสินค้าต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

นอกจากนี้พบว่าวิสาหกิจชุมชนยังต้องการการสนับสนุนเรื่องการทำแผนธุรกิจและแผนการตลาด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สามารถเข้าไปช่วยพัฒนาและเสริมสร้างองค์ความรู้ได้ โดยเฉพาะการพัฒนาเกษตรกรยุคการค้าเสรีให้มีความเป็นมืออาชีพในธุรกิจ เพื่อยกระดับและสร้างความแตกต่างให้สินค้า การขยายตลาดผ่านการทำแฟรนไชส์ การหาพื้นที่ขายให้แก่เกษตรกร เช่น ร้านธงฟ้าประชารัฐ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาดและลดภาษีของคู่ค้าเช่นจีนและอาเซียน เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้รายงานสรุปผลการลงพื้นที่เบื้องต้นต่อกระทรวงพาณิชย์แล้ว และจะส่งให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบ เพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป สำหรับแผนในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมีกำหนดลงพื้นที่พบเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการโคเนื้อในภาคกลางช่วงเดือนพฤษภาคม และจะร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติลงพื้นที่และจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมเกษตรกรผู้ผลิตผลไม้ของไทยเรื่องการใช้ประโยชน์จากการค้าเสรี ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ณ จังหวัดสุโขทัย จันทบุรี เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ