นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2561 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 5.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 76.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 2.8 หมื่นล้านบาท โดยทั้งปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 1.89 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 1.04 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% กำไรสุทธิอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท เนื่องจากธนาคารได้ออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่รองรับทุกกลุ่มอาชีพ และรายได้ อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บุคลากรภาครัฐ, โครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรัก และโครงการสินเชื่อบ้านบุพเพสันนิวาส
"สินเชื่อปล่อยใหม่ปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยในช่วงต้นปีดำเนินการไปได้ดีกว่าแผนที่วางไว้มาก หลังจากนี้เฉลี่ยปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเดือนละ 1.55 หมื่นล้านบาท ก็น่าจะทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามแผนภายในเดือน พ.ย.61 ส่วนกำไรปีนี้ ตั้งเป้าหมายเติบโตที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้า ส่วน NPL ปีนี้ตั้งเป้าหมายบริหารจัดการให้อยู่ที่ระดับ 4.06% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.35% โดยปัจจุบันมีการควบคุมการไหลเข้าของหนี้เสียได้เป็นอย่างดี สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มมีสัญญาณ ธนาคารก็จะมีมาตรการเข้าไปช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด" นายฉัตรชัย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้สูงอายุ (รีเวิร์ส มอร์เกจ) นั้น ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนการแก้ไข พ.ร.บ. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อแก้ไขคำนิยามให้สามารถดำเนินการได้ โดยคาดว่าภายใน 3 เดือนน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคาดว่าจะสามารถดำเนินการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้ภายในต้นปี 2562
นายฉัตรชัย ยังกล่าวถึงแนวทางการดำเนินงานของ ธอส.ในปีนี้ว่า ธนาคารยังคงเดินหน้าคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้คนไทย ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้ Big Data
และในปี 61 ธนาคารกำหนดให้เป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่ Digital Services อย่างเต็มรูปแบบ ตามแผน Digital Transformation ยกระดับการให้บริการเริ่มจาก โครงการ Payment Gateway ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญ ในการพัฒนาช่องทางการชำระหนี้เงินกู้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าประชาชนในยุค 4.0 ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องจากปี 60 แบ่งเป็น 3 เฟส ประกอบด้วย
เฟส 1 Cash Payment เครื่องชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ (LRM) จำนวน 80 เครื่อง ซึ่งจะทยอยติดตั้งที่สาขาทั่วประเทศ สาขาละ 1 เครื่อง ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2561 จากเดิมที่ติดตั้งไปแล้วเมื่อปี 2560 จำนวน 90 เครื่อง ซึ่งภายในไตรมาส 2 ของปี 2561 สาขาของ ธอส.กว่า 170 แห่ง ที่มีจำนวนของผู้ใช้บริการและมียอดธุรกรรมสูงจะมีเครื่อง LRM ให้บริการชำระหนี้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการในช่วงสิ้นเดือนได้มากยิ่งขึ้น
เฟส 2 Dynamic QR Code อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถชำระหนี้เงินกู้ ธอส.ได้สะดวกรวดเร็วโดยใช้ Mobile Application ของธนาคารใดๆ ก็ได้ เพียงระบุเลขที่บัญชีเงินกู้ และเลือกบัญชีและจำนวนเงินที่ต้องการชำระ หลังจากนั้น ระบบจะสร้าง QR Code ของลูกค้ารายนั้นๆ ลูกค้าเพียงแค่เปิด Mobile Application ของธนาคารใดๆก็ได้มาสแกน QR Code ดังกล่าว ก็จะสามารถชำระหนี้เงินกู้ได้ทันทีเช่นเดียวกับการชำระหนี้ที่สาขาของธนาคาร โดยคาดว่าจะเริ่มนำ Dynamic QR Code มาให้บริการลูกค้าตามจุดต่าง ๆ ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
เฟส 3 โครงการGHB Mobile Application เป็น Application ของ ธอส. ที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร ทั้งการชำระหนี้เงินกู้ สินเชื่อและเงินฝาก โดยคาดว่าจะเริ่มนำออกให้บริการในระยะแรกคือการชำระหนี้เงินกู้ได้ประมาณกรกฎาคม 2561 ซึ่ง GHB Mobile Application เมื่อเสร็จสิ้นสมบูรณ์ จะสามารถให้บริการได้ทั้งการชำระหนี้เงินกู้ สอบถามผลการพิจารณาสินเชื่อ แจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อ นัดทำนิติกรรม ดูใบเสร็จรับชำระหนี้อิเล็กทรอนิกส์ ติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อ และแจ้งเตือนชำระหนี้ ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาได้เสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 4 ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2561 จำนวนธุรกรรมชำระหนี้เงินกู้ผ่านเครื่อง LRM Dynamic QR Code และ GHB Mobile Application จะไม่ต่ำกว่า 30% ของจำนวนที่มาชำระเงินกู้ที่สาขาธนาคาร
ด้านเงินฝากธนาคารจัดทำผลิตภัณฑ์เงินฝาก ธอส.ประชารัฐ สำหรับลูกค้าที่ผ่านโครงการพัฒนาความรู้ทางการเงินสำหรับผู้มีรายได้น้อย (Financial Literacy) เป็นเงินฝากออมทรัพย์อัตราดอกเบี้ย 1.65% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากคงเหลือไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนลูกค้าที่มีวงเงินฝากคงเหลือมากกว่า 3 แสนบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.90% ต่อปี เปิดบัญชีเงินฝากครั้งแรกขั้นต่ำ 100 บาท ลูกค้าที่ฝากต่อเนื่องทุกเดือนนาน 6 เดือนติดต่อกัน และไม่มีการถอนเงิน จะได้รับของสมนาคุณจาก ธอส.ฟรี เปิดบัญชีภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
ทั้งนี้ธนาคารจะนำ Mobile Deposit หรือเครื่องฝากเงินแบบมือถือมาให้บริการ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า โดยพนักงานธนาคารจะนำ Mobile Deposit ให้บริการสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการตามชุมชนต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการออม ซึ่งผู้ฝากจะได้รับสลิปเก็บไว้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมเช่นเดียวกับการไปฝากที่สาขาของธนาคารเช่นกัน ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาความรู้ทางการเงินฯ สามารถติดต่อได้ที่สาขา ธอส.ทั่วประเทศ