ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.17/24 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐปลายสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 3, 2018 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.17/24 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 31.16/17 บาท/ดอลลาร์

"ทิศทางวันนี้ยังวิ่งในกรอบแคบรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ แต่คาดว่าบ่ายนี้น่าจะวิ่ง เพราะตลาด ยุโรปจะเปิดทำการ"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ระหว่าง 31.10-31.26 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (2 เม.ย) อยู่ที่ระดับ 1.15701% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (2 เม.ย) อยู่ที่ระดับ 1.23935%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.84/93 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 106.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2300/2309 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2327 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.1790 บาท/
ดอลลาร์
  • ศูนย์วิเคราะห์ เศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายเศรษฐกิจไทยเติบโตในระดับ 4% รับแรงขับ
เคลื่อนหลักจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี โดยคาดการณ์ส่งออก เติบโตได้ 5% และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
7.9% ขณะที่การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มดีขึ้นจากโครงการที่ ล่าช้ามาจากปีก่อนและการลงทุนใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และการลงทุนภาค
เอกชน ก็มีสัญญาณดีขึ้น เช่นกัน จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น เป็น 67-68% จากปีก่อนๆ ที่จะอยู่ในระดับ 64-65%
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ธนาคารรัฐไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากนโยบายรัฐบาลต้อง
การกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตกระจายลงไปในระดับล่างให้เร็วที่สุด ไม่ใช่โตแบบกระจุกตัวเหมือนในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ไม่กังวลเรื่องคณะ
กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เสียงแตกให้มีการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเป็นเรื่องปกติ แต่เสียงส่วนใหญ่ก็ยังให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้
เท่าเดิม 1.5%
  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า มอบหมายให้กรมการค้าภายในติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด หลังจากการ
ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกวันละ 5-22 บาททั่วประเทศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.61 พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนช่วยกัน
ติดตาม หากสินค้าประเภทใดมีการปรับขึ้นแบบไม่สมเหตุสมผลให้แจ้งมายัง 1569 เพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที มีโทษทั้งจำทั้ง
ปรับ เนื่องจากได้มีการศึกษาแล้วว่าการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้เกือบจะไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้ามากนัก
  • คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยในงานเสวนาโครงการติดตามเศรษฐกิจไทย ครั้งที่ 13 "อัด
ฉีด เก็บภาษี ช่วยใคร?" ว่า อยากเสนอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีค่าซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอ
ฟ) เพราะคนที่ได้ประโยชน์มีเพียงกลุ่มผู้มีรายได้สูง จากข้อมูลวิจัยพบว่าสัดส่วนผู้ที่ใช้สิทธิลดหย่อน แอลทีเอฟอยู่ในกลุ่มคนรวยสุด คือ
รายได้มากกว่า 20 ล้านบาท ถึง 82% ไม่เป็นประโยชน์กับผู้มีรายได้น้อย คือรายได้ต่ำกว่า 5 แสนบาท ซึ่งกลุ่มนี้ใช้สิทธินี้แค่ 2%
เท่านั้น
  • รัฐบาลจีนเรียกร้องให้จัดการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างกัน ขณะเดียวกันก็
ประกาศว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 100 รายการจากสหรัฐนั้น มีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันจันทร์
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้น 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากทรงตัวใน
เดือนมกราคม โดยการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ การใช้จ่ายในโครงการที่อยู่
อาศัยเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 1.5%
  • ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 59.3
ในเดือนมีนาคม จากระดับ 60.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวสู่ระดับ 60.0 โดยดัชนียังคงอยู่
เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19
  • ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับ
ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.6 ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 จากระดับ
55.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยของดัชนี PMI ในไตรมาสแรกของปีนี้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี
2557
  • ดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนตัวผันผวน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากความ
วิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดเงินนิวยอร์กยังได้รับแรงกด
ดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐเช่นกัน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก
ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน
ของสหรัฐ (ISM), คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ
ว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ