กรมศุลฯ-การท่าเรือฯ ร่วมลงนามอำนวยความสะดวกทางการค้า ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มประสิทธิภาพการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 3, 2018 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และเรือตรีทรงธรรม จันทประสิทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศ ไทย สายวิศวกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมพิธีลงนามร่วมในสัญญาประกันทัณฑ์บน พิธีการศุลกากร ส่งออกว่าด้วยการตรวจปล่อยสินค้าขาออก ในเขตพื้นที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อบรรทุกลงเรือเฉพาะเขต (Specific Local Vessel) และรับบรรทุกที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ระหว่างกรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทย

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือในการอำนวยความ สะดวกทางการค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้า และลดต้นทุนการส่งออกสินค้าของประเทศ โดยกรมศุลกากรออกประกาศกรม ศุลกากร ที่ 37/2561 เรื่อง พิธีการศุลกากรส่งออกว่าด้วยการตรวจปล่อยสินค้าขาออกในเขตพื้นที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ เพื่อบรรทุกลงเรือเฉพาะเขต (Specific Local Vessel) และรับบรรทุกที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และการท่าเรือ แห่งประเทศไทยได้จัดทำโครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G ท่าเรือกรุงเทพ (Bangkok Port Coastal Terminal Optimizing Your Business) เพื่อสนับสนุนการขนส่งทางน้ำภายในประเทศ ส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ ลดปริมาณการจราจรทาง บก และเพิ่มขีดความสามารถด้านการส่งออกของประเทศ

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อว่า พิธีการศุลกากรส่งออกว่าด้วยการตรวจปล่อยสินค้าขาออกในเขตพื้นที่สำนักงานศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ เพื่อบรรทุกลงเรือเฉพาะเขต (Specific Local Vessel) และรับบรรทุกที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนการพิธีการศุลกากรส่งออก จากเดิมที่จะทำการตรวจปล่อย ณ ท่าท้ายสุดที่ระบุไว้ว่าจะส่งของออกนอกราช อาณาจักร เป็นการตรวจปล่อยให้เสร็จสิ้น ณ ท่าต้นทางที่มีพนักงานศุลกากรปฏิบัติหน้าที่ประจำและมีความพร้อมในการตรวจสอบสินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ โดยปฏิบัติพิธีการศุลกากรขาออก ตรวจปล่อยสินค้าให้เสร็จสิ้นที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ บรรทุกลงเรือ เฉพาะเขตและรับบรรทุก ณ ท่าท้ายสุดที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งการขนส่งสินค้าด้วยเรือเฉพาะเขตมีความปลอดภัยสูง ขนส่งได้ปริมาณมาก ขนส่งสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนด ลดต้นทุนการขนส่งแทนการใช้รถบรรทุก ลดปัญหาจราจรทางบก

สำหรับการดำเนินพิธีการศุลกากรส่งออกในรูปแบบนี้ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในระบบโลจิสติกส์ได้ไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นการลดปริมาณการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้ไม่น้อยกว่า 7.4 ล้าน ลิตรต่อปี ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 26.7 ล้านตันคาร์บอนต่อปี อีกทั้งสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้บริการ หากท่าเอกชนในกำกับดูแลภายใต้สำนักงานศุลกากร กรุงเทพเปิดดำเนินการในลักษณะเดียวกัน คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานตามกระบวนการทางศุลกากรล่วงหน้าก่อนสินค้ามาถึง (Pre-Arrival Processing) กรม ศุลกากรได้ออกประกาศกรมศุลกากร ที่ 5/2561 เรื่อง กระบวนการทางศุลกากรล่วงหน้าก่อนสินค้ามาถึง (Pre-Arrival Processing) ซึ่งเป็นกระบวนการทางเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้นำของเข้าในการนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ โดย ผู้นำของเข้าสามารถยื่นใบขนสินค้าขาเข้าล่วงหน้าและยื่นชำระค่าภาษีอากร (ถ้ามี) ล่วงหน้าได้ ก่อนที่เรือ/อากาศยาน จะเข้ามา ถึง ณ ท่า/สนามบินที่เป็นด่านศุลกากร

ผู้นำของเข้าจะสามารถยื่นใบขนสินค้าขาเข้าล่วงหน้าได้ต่อเมื่อนายเรือ ผู้ควบคุมอากาศยาน หรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ จากนายเรือ/ผู้ควบคุมอากาศยาน หรือตัวแทนเรือ/อากาศยาน ยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือ/อากาศยาน ให้กับกรมศุลกากรแล้ว และผู้นำ ของเข้าต้องยื่นใบขนสินค้าขาเข้าในเดือนเดียวกันกับเดือนที่สินค้าจะมาถึง โดยหลังจากเริ่มใช้ประกาศกรมฯ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2561 มีจำนวนใบขนสินค้าขาเข้าที่ส่งเข้าระบบคอมพิวเตอร์กรมศุลกากรแบบล่วงหน้า ดังนี้

                                                  จำนวนใบขนสินค้าขาเข้า/ฉบับ          คิดเป็นร้อยละ
          ใบขนสินค้าขาเข้าทั้งหมด                              518,413                     -
          ใบขนสินค้าที่ส่งมาก่อนสินค้ามาถึง                         51,030                    9.84
          ใบขนสินค้าที่ชำระภาษีก่อนสินค้ามาถึง                      16,430                    3.17
          กระบวนการทางศุลกากรล่วงหน้าก่อนสินค้ามาถึงนี้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้นำของเข้าสามารถปฏิบัติพิธีการ
ศุลกากรในการนำเข้าสินค้าที่มาต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลา ลดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมระบบโลจิสติกส์และการค้า
ระหว่างประเทศ อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสอดคล้องกับบทบัญญัติตามความตกลงว่า
ด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation Agreement) ภายใต้องค์การการค้าโลก
          กรมศุลกากรยังคงมุ่งมั่นให้บริการศุลกากรเป็นเลิศ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยและเชื่อมโยงการค้าโลก
เพื่อยกระดับการให้บริการที่ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงการค้าโลก ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และเพิ่มความสามารถในการ
แข่งขันของประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ