นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ในช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาล 1 ปีจากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) ต้องเดินหน้าสร้างฐานในการพัฒนา SME ให้มีความพร้อมและวางรากฐานเพื่อให้รัฐบาลใหม่สามารถเข้ามาสานต่อได้ และจะมาติดตามความคืบหน้าการทำงานในอีก 3 เดือนข้างหน้า
สำหรับการช่วยเหลือ SME ที่ส่งออกสินค้าและประสบปัญหาความผันผวนของค่าเงิน นายสมคิด สั่งการให้ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(SME Bank) และสมาคมธนาคารไทย ขอความร่วมมือจากสมาชิกช่วยเหลือประชาสัมพันธ์ แนะนำให้ SME ทำประกันความเสี่ยงค่าเงินให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน
ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากหรือ Local Economy ที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการผ่านโครงการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) นายสมคิดได้ขอให้มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ ให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัดจัดทีมงานเข้ามาช่วยระดมสมองว่าแต่ละจังหวัดมีสินค้าใดที่ขึ้นชื่อและโดดเด่นบ้าง เพื่อนำมาพัฒนาและเพิ่มมูลค่าโดยให้เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมรายได้ในระดับชุมชนด้วย
ส่วนการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต หรือ Industry Transformation Center : ICT นายสมคิดได้มอบนโยบายให้เดินหน้าจัดตั้งให้ครบทุกจังหวัด และสั่งการให้สภาอุตสาหกรมและสภาหอการค้าไทย มีการจัดประชุมเพื่อชี้แจงเรื่องนี้ในทุกจังหวัด พร้อมทั้งให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการพัฒนาศูนย์ดังกล่าว
นอกจากนี้ ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทางรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่นจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเยี่ยมชมศูนย์ ICT ด้วย
โครงการ Big Brother นายสมคิดมอบนโยบายให้มีการเชิญชวนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงบริษัทในต่างประเทศ เข้ามีส่วนร่วมในโครงการนี้ให้มากขึ้น
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงมาตรการขับเคลื่อน SME สู่ 4.0 โดยนายสมคิด ได้เร่งรัดให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต หรือ ICT ซึ่งจะมีศูนย์ ICT 22 แห่งทั่วประเทศ โดย 12 แห่งแรกจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และที่เหลือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่ง ICT จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งแต่ละศูนย์จะมีเครื่องไม้เครื่องมือสมัยใหม่ พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ
ทั้งนี้ ยังมีโครงการ Big Brother โดยมีการเชิญชวนทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศมาร่วมให้คำแนะนำผู้ประกอบการ SME เชื่อมโยงการทำงานกับศูนย์ ICT ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ตอบรับเข้าร่วมแล้ว 80 ราย
สำหรับโครงการการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรมมสร้างสรรค์ (CIV) มีเป้าหมายจัดตั้งให้ได้ 100 หมู่บ้านภายในปีนี้ เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น ด้านเกษตรแปรรูป หรือ ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชม ซึ่งนายสมคิดให้นโยบายว่า ให้มีการต่อยอดเข้าไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนงานจะส่งเสริมแหล่งผลิตสินค้าชุมชน ให้คัดเลือกสินค้าที่เป็นจุดเด่นของแต่ละจังหวัดพัฒนาสินค้าให้มากขึ้นให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนขับเคลื่อน S-Curve เพิ่มเติมใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ ตอน 2 เข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมครม. ซึ่งจะเป็นการขยายการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพจากพื้นที่ EEC ไปสู่พื้นที่อื่น ในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในภาคเหนือต่อไป
นอกจากนี้ นายอุตตม กล่าวว่า ทาง SME Bank ได้มีการจัดรถเคลื่อนที่โมบายลงพื้นที่ เพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME ในระดับชุมชม รวมถึงมีบริการการอนุมัติสินเชื่อในระดับชุมชน ซึ่งสำหรับเงินกู้ต่ำกว่า 5 แสนบาท จะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกิน 10 วัน
สำหรับการพัฒนาภายในกระทรวงอุตสาหกรรม 4.0 ได้มีการดำเนินการเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆของกระทรวง เข้าสู่ระบบ Big Data ผ่านระบบ i-industry ที่ประชาชนสามารถใช้บริการได้ด้วยบัตรประชาชน โดยไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วย