ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือน มี.ค.61 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 45.6 ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การค้าโลกที่ทวีความซับซ้อนและอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในทางใดทางหนึ่ง ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยบวกภายในประเทศใหม่ๆ มากระตุ้น นอกจากนี้ครัวเรือนยังมีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้) เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวตามกระแสนิยม รวมถึงการวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์
"ในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ภาพเศรษฐกิจไทยผูกติดกับภาพเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น หลังสถานการณ์การค้าโลกทวีความซับซ้อนจากการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะนำไปสู่สงครามการค้าโลก และอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพิงการส่งออกสินค้าเป็นสำคัญ ทำให้ครัวเรือนมีความกังวลมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ สะท้อนจากดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือน มี.ค.61 ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 45.6 จากระดับ 46.3 ในเดือน ก.พ.61" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
นอกจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่กระทบมุมมองของครัวเรือนในภาพรวมแล้ว ครัวเรือนยังมีความกังวลต่อประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย (ไม่รวมภาระหนี้สิน) ที่เพิ่มขึ้นจากการมีรายจ่ายพิเศษอย่างการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบุตรหลานปิดภาคเรียนประกอบกับกระแสอนุรักษ์ความเป็นไทย ตลอดจนครัวเรือนบางส่วนมีการวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงทำให้มีการใช้จ่ายไปแล้วบางส่วนในการจองที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน หรือซื้อโปรแกรมทัวร์ อีกทั้งครัวเรือนยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการภายในประเทศ โดยเฉพาะราคาพลังงานที่แม้โดยเฉลี่ยจะค่อนข้างทรงตัวจากเดือน ก.พ.61 แต่ด้วยความถี่ของการปรับขึ้นราคาในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค.61 จำนวน 3 ครั้ง ทำให้ครัวเรือนสะท้อนมุมมองที่เป็นกังวลมากขึ้นต่อระดับราคาพลังงานในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความกังวลที่เพิ่มขึ้นของครัวเรือนต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพในปัจจุบันยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อมุมมองของครัวเรือนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (เม.ย.-มิ.ย.) สะท้อนจากดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนอีก 3 เดือนข้างหน้า ที่ในเดือนมี.ค. 61 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.3 จากระดับ 47.1 ในเดือนก.พ. 61
นอกจากนี้ ครัวเรือนยังคาดว่า จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายใช้สอย สังสรรค์ ท่องเที่ยว และกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้ปกครองในการซื้ออุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียนให้บุตรหลานก่อนเปิดปีการศึกษาใหม่ ซึ่งเมื่อทำการสำรวจเพิ่มเติม พบว่า ประเด็นเศรษฐกิจที่ครัวเรือนในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดส่วนใหญ่กังวลว่าจะต้องเผชิญในช่วงไตรมาสที่ 2/61 (เม.ย.-มิ.ย.) ยังเป็นในเรื่องของภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากระดับราคาสินค้าและบริการที่ครัวเรือนมองว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจภาวะการครองชีพของครัวเรือนในเดือนมี.ค. 2561 จะเห็นว่า ครัวเรือนบางส่วนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวทั้งในปัจจุบันและในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว การใช้จ่ายเหล่านี้ของครัวเรือนจะหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และส่งผลบวกต่อจีดีพีในระยะถัดไป
สำหรับภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/61 (ม.ค.-มี.ค.) ยังได้รับแรงสนับสนุนหลักมาจากภาคต่างประเทศ ทั้งในด้านการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศยังคงให้ภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงไตรมาสที่ 4/60 มากนัก ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ผลในระยะยาวเป็นสำคัญ
ส่วนในไตรมาสที่ 2/61 ยังมีหลายประเด็นที่ต้องติดตาม ไม่ว่าจะเป็น ระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศหลังมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการสำคัญที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงกดดันรายได้ครัวเรือนเกษตร รวมถึงสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจส่งผลต่อการส่งออกไทย